แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 32
1
รีวิวแท็บเล็ต ออนเนอร์ Honor Pad X8a (4BG/128GB)
4,999 บาท

ออนเนอร์ Honor Pad X8a (4BG/128GB)
หน้าจอกว้าง 11 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูงสบายตาด้วย HONOR FullView Display*
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่พิเศษ 8300mAh*
แอมพลิจูดขนาดใหญ่ ลำโพงเพิ่มประสิทธิภาพเสียง 4 ตัว
การออกแบบโลหะบางเฉียบ
ชิปเซ็ต Snapdragon 6 นาโนเมตร
HONOR Pad X8a MagicOS 8.0

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            ออนเนอร์ Honor Pad X8a (4BG/128GB)
   ราคากลาง          4,999 บาท
   จำนวนซิม          1 ซิม
   สี                Grey
   ความถี่-เครือข่าย
3G ()
4G ()

   ขนาด-น้ำหนัก            ยาว 256.91 x กว้าง 168.46 x หนา 7.25 มม., น้ำหนัก 495 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน-ROM    128 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด   -
   แบตเตอรี่                ความจุแบต 8,300 mAh
ชนิดจอ
   ชนิดจอ                 TFT LCD (IPS)
   ขนาด-ความละเอียด       11 นิ้ว, 1,920 x 1,200 px
   รายละเอียดอื่น            สีหน้าจอ 16.7 ล้านสี

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด           กล้องหลัง (5 Mpx), กล้องหน้า (5 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                   -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)         Snapdragon 680 4G Mobile Platform Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)    Adreno 610
   หน่วยความจำ (RAM)            4 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก           USB (), Bluetooth (5.1), Wi-Fi (802.11 a/b/g/n/ac)
   ระบบรับส่งข้อความ               -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต         3G, WiFi, 4G

2
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ








3
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส Invisalign เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันแบบไหน ?

จัดฟันแบบใส invisalign เป็นการจัดฟันที่สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ได้ โดยเครื่องมือจะถูกออกแบบมาเฉพาะแต่ละบุคคลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยแสดงผลออกมาแบบ 3D โดยการจัดฟัน invisalign จะทำให้ฟันของคุณเรียงตัวสวย โดยที่คนอื่นมองไม่ออก เพราะการจัดฟันแบบใส จะมีเครื่องมือการจัดฟันที่มีความใส สามารถมองเห็นได้ยาก ถือเป็นเอกลักษณ์ของการจัดฟันแบบใส invisalign

ซึ่งมีความแตกต่างจากการจัดฟันแบบเหล็กทั่วไป และยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาฟันที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย และการจัดฟันแบบใสนี้ ใช้ระยะเวลาในการจัดฟันไม่นาน ก็จะช่วยให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาก

การจัดฟันแบบใส Invisalign เป็นการจัดฟันที่เน้นไปที่ความสวยงามเป็นหลัก โดยการใช้เครื่องมือที่มีความโปร่งใสในการช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน เป็นนวัตกรรมทางการจัดฟันแบบใหม่ที่ดารา นักแสดง นิยมทำกันมาก

เพราะสามารถจัดฟันได้โดยไม่ต้องใส่เหล็กจัดฟัน สามารถเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ มีความหลากหลายในการรับประทานอาหาร ง่ายต่อการดูแลรักษา เพราะสามารถถอดออกและแปรงฟันได้ตามปกติ แต่ก็จะมีข้อเสียคือ ต้องมีวินัยในการสวมใส่เครื่องมือ อย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน และหากผู้เข้ารับการรักษามีพฤติกรรมการรับประทานที่จุกจิก ก็จะไม่ค่อยสะดวกในการที่จะต้องค่อยถอดเครื่องมือบ่อยๆ

สำหรับการจัดฟันแบบใส Invisalign เหมาะกับผู้เข้ารับการรักษาที่มีปัญหาฟันหน้าเหยิน และที่สำคัญจะต้องมีเงินพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษา เพราะการจัดฟันแบบใส Invisalign มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เพราะต้องออกแบบเครื่องมือ และผลิตเครื่องมือการจัดฟันที่สถาบันที่สหรัฐอเมริกา และวัสดุในการนำมาผลิตเครื่องมือมีคุณภาพสูง รวมไปถึงกลุ่มผู้เข้ารับการรักษาที่มีความใจร้อนที่จะให้มีฟันที่เรียงสวย เป็นธรรมชาติภายในเวลาไม่นาน การจัดฟันแบบใส จึงตอบโจทย์สำหรับผู้เข้ารับการรักษาในกลุ่มนี้

หากสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส Invisalign สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่คลีนิคเพราะเรามีทีมทันตแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากสหรัฐอเมริกา และมีประสบการณ์การจัดฟันมาอย่างยาวนานค่อยให้ข้อมูลและให้คำแนะนำ

4
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



5
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: แผลเพ็ปติก (Peptic ulcer) 

แผลเพ็ปติก* หมายถึง แผลที่เกิดบนเยื่อบุกระเพาะอาหาร (stomach) ซึ่งเรียกว่า โรคแผลกระเพาะอาหาร หรือแผลจียู (gastric ulcer/GU) หรือแผลที่เยื่อบุลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenum) ซึ่งเรียกว่า โรคแผลลำไส้เล็กส่วนต้น หรือแผลดียู (duodenal ulcer/DU)

แผลเพ็ปติกเป็นโรคที่พบได้บ่อย ประมาณร้อยละ10-20 ของคนทั่วไปจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต

แผลลำไส้เล็กส่วนต้น (ดียู) พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2-4 เท่า และพบมากในช่วงอายุประมาณ 30-55 ปี ขณะที่แผลกระเพาะอาหารพบในผู้ชายพอ ๆ กับผู้หญิง และพบในช่วงอายุประมาณ 55-70 ปี แต่ทั้ง 2 โรคนี้ก็สามารถพบได้ในคนทุกวัย

*เดิมนิยมเรียกว่า โรคกระเพาะ โดยวินิจฉัยจากอาการแสดง คือ ปวดท้องตรงยอดอกหรือใต้ลิ้นปี่ที่เกิดก่อนหรือหลังอาหาร (หิวแสบ-อิ่มจุก) เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันพบว่าอาการดังกล่าวอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเพาะว่าเกิดจากแผลเพ็ปติกเสมอไป ต้องอาศัยการตรวจโดยการใช้กล้องส่อง หรือเอกซเรย์โดยการกลืนแป้งแบเรียม จึงจะแยกสาเหตุได้ชัดเจน ดังนั้น คำว่า "โรคกระเพาะ" จึงมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า "อาหารไม่ย่อย" ในที่นี้จึงขอใช้คำว่า "แผลเพ็ปติก" ในการเรียกชื่อโรคแผลกระเพาะอาหาร และแผลลำไส้เล็กส่วนต้น

สาเหตุ

แผลเพ็ปติก เกิดจากความเสียสมดุลระหว่างปริมาณกรดที่หลั่งในกระเพาะอาหาร กับความต้านทานต่อกรดของเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้  ถ้าหากมีการหลั่งกรดมากเกิน หรือความต้านทานต่อกรดลดลงก็ทำให้เกิดแผลเพ็ปติกขึ้นได้ ในปัจจุบันพบว่าสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลเพ็ปติกได้แก่

1. การติดเชื้อเอชไพโลโร (H.pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียแกรมลบ เชื้อนี้สามารถติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อ แล้วเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะอาหาร ในระยะแรกอาจทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบ ซึ่งจะเป็นเรื้อรังนานเป็นแรมปีหรือนับเป็นสิบ ๆ ปี ต่อมาทำให้กลายเป็นแผลลำไส้เล็กส่วนต้น (พบเชื้อนี้ในผู้ที่เป็นแผลชนิดนี้ถึงร้อยละ 95-100) หรือแผลกระเพาะอาหาร (พบเชื้อนี้ในผู้ที่เป็นแผลชนิดนี้ถึงร้อยละ 75-85)

ในการติดตามผลการรักษาผู้ป่วยแผลเพ็ปติกด้วยการใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะลำไส้ พบว่า การรักษาโรคแผลเพ็ปติกโดยวิธีดั้งเดิม (ให้ยาลดกรดและยาลดการสร้างกรด) นั้น ผู้ป่วยจะมีแผลกำเริบถึงร้อยละ 70-85 ใน 1 ปี แต่ในกลุ่มที่ได้ยาปฏิชีวนะกำจัดเชื้อเอชไพโลไรตามวิธีการรักษาแนวใหม่จะมีแผลกำเริบน้อยกว่าร้อยละ 5 ใน 1 ปี ดังนั้น ในวงการแพทย์ปัจจุบันจึงยอมรับว่า เชื้อนี้เป็นตัวการสำคัญของโรคแผลเพ็ปติกถึงแม้จะยังไม่มีความชัดเจนในกลไกของการทำให้เกิดแผลเพ็ปติกจากเชื้อนี้ก็ตาม บ้างสันนิษฐานว่าเชื้อชนิดนี้ทำให้กลไกในการต้านทานต่อกรดของเยื่อบุกระเพาะอาหารลดลง

2. การใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ได้แก่ แอสไพริน และกลุ่มยาแก้ปวดข้อ (เช่น อินโดเมทาซิน ไอบูโพรเฟน นาโพรเซน เป็นต้น) พบว่าผู้ที่ใช้ยากลุ่มนี้เป็นประจำจะมีโอกาสเป็นแผลกระเพาะอาหารร้อยละ 10-30 และแผลลำไส้เล็กส่วนต้นร้อยละ 2-20 และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน (เช่น เลือดออก แผลทะลุ) มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ใช้ยากลุ่มนี้ถึง 3 เท่า ประมาณร้อยละ 1-2 ของผู้ใช้ยากลุ่มนี้เป็นประจำจะเกิดภาวะแทรกซ้อนภายใน 1 ปี ทั้งนี้เพราะยากลุ่มนี้ทำลายกลไกในการต้านทานต่อกรดของเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ (โดยการยับยั้งไม่ให้กระเพาะหลั่งเมือกออกมาปกคลุมเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้) นอกจากนี้ ยากลุ่มนี้บางตัวยังมีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งระคายต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้โดยตรง

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลเพ็ปติกจากยากลุ่มนี้ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่ใช้ยากลุ่มนี้ในขนาดสูง ผู้ที่ใช้ยากลุ่มนี้นาน ๆ ผู้ที่ใช้ยากลุ่มนี้ร่วมกับสเตียรอยด์ ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเพ็ปติกมาก่อน ผู้ที่มีภาวะเจ็บป่วยรุนแรง

3. ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ บางอย่างอาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคนี้ แต่บางอย่างอาจไม่มีความสัมพันธ์โดยตรง เช่น

    ประวัติการมีญาติพี่น้องเป็นแผลเพ็ปติก (อาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์) ทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้นเป็น 3 เท่า
    การสูบบุหรี่ เพิ่มโอกาสของการเป็นแผลลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้การรักษาได้ผลช้า และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากขึ้น
    ผู้ที่มีเลือดกลุ่มโออาจเสี่ยงต่อการเป็นแผลลำไส้เล็กส่วนต้นมากกว่าปกติ
    ความเครียดทางอารมณ์ ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าเป็นสาเหตุของการเกิดแผลเพ็ปติกโดยตรงแต่พบว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยโรคนี้เป็นแผลกำเริบได้
    แผลลำไส้เล็กส่วนต้น ยังอาจพบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน (hyperparathyroidism ซึ่งจะมีภาวะแคลเซียมสูง และแคลเซียมกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมาก) กลุ่มอาการซอลลิงเกอร์-เอลลิสัน (Zollinger-Ellison syndrome ซึ่งเป็นเนื้องอกในตับอ่อนและลำไส้เล็กส่วนต้น ทำให้มีการหลั่งกรดและน้ำย่อยมากเกิน) ภาวะไตวายเรื้อรัง ตับแข็งจากพิษแอลกอฮอล์ ถุงลมปอดโป่งพอง เป็นต้น
    แอลกอฮอล์ (ซึ่งเป็นสาเหตุของกระเพาะอักเสบชนิดเยื่อบุกร่อน ทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร) สเตียรอยด์ และกาเฟอีน ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นสาเหตุของแผลเพ็ปติกโดยตรง แต่ก็อาจทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้เป็นแผลกำเริบได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเหล่านี้ในผู้ป่วยแผลเพ็ปติก
    อาหารทุกชนิดไม่เป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดแผลเพ็ปติก แต่ถ้ากินแล้วทำให้มีอาการกำเริบ (เช่น อาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด น้ำส้ม น้ำผลไม้) ก็ควรจะหลีกเลี่ยง

อาการ

มักมีอาการปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังตรงบริเวณกลางยอดอกหรือใต้ลิ้นปี่ บางรายอาจค่อนมาทางขวาหรือซ้ายก็ได้ เวลาที่ปวดมักสัมพันธ์กับมื้ออาหาร เช่น ก่อนหรือหลังอาหาร ลักษณะการปวดอาจปวดแสบ ปวดตื้อ จุกเสียด หรือมีความรู้สึกหิวข้าวก่อนเวลาอาหาร บางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเรอเปรี้ยวร่วมด้วย

ในผู้ป่วยที่มีแผลลำไส้เล็กส่วนต้น มักมีอาการปวดท้องหลังกินอาหารแล้วประมาณ 1-3 ชั่วโมง หรือขณะท้องว่าง โดยมากจะเริ่มปวดตอนสาย ๆ ในช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ จะปวดมากขึ้น และอาจปวดมากตอนดึก ๆ จนต้องตื่นนอนหรือนอนไม่หลับ

อาการปวดมักดีขึ้นทันทีหลังกินอาหาร ดื่มนม หรือกินยาต้านกรด หรือหลังอาเจียน ถ้าแผลลุกลามไปที่ตับอ่อนอาจทำให้มีอาการปวดหลังร่วมด้วย และไม่หายปวดท้องหลังกินอาหาร

ในผู้ป่วยที่มีแผลกระเพาะอาหาร มักมีอาการปวดท้องหลังอาหารประมาณ 1/2-1 ชั่วโมง บางรายอาจมีอาการเบื่ออาหาร (ไม่อยากกิน เพราะกลัวปวดท้อง) และน้ำหนักลด

อาการปวดท้องมักเป็นอยู่นานหลายสัปดาห์ แล้วอาจหายไปได้เอง แต่ก็มักมีอาการกำเริบภายใน 1-2 ปีเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ลักษณะอาการของผู้ป่วยแผลลำไส้เล็กส่วนต้นกับแผลกระเพาะอาหาร  บางครั้งก็อาจแยกจากกันได้ไม่ชัดเจน เช่น อาการปวดท้องตอนดึกก็อาจเกิดในผู้ป่วยแผลกระเพาะอาหารได้เช่นกัน

ผู้ป่วยบางรายอาจเป็นแผลเพ็ปติกโดยไม่มีอาการแสดงก็ได้ เช่น พบว่ากลุ่มที่เป็นแผลจากยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์มีประมาณร้อยละ 50 ที่ไม่ปรากฏอาการหรือผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน (เช่น ถ่ายดำ) ก็อาจไม่มีอาการปวดท้องมาก่อนก็ได้


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังอาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ ที่พบบ่อยคือ ภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น ผู้ป่วยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายอุจจาระดำ ส่วนมากเลือดจะออกไม่มากและหยุดได้เอง ส่วนน้อยอาจมีเลือดออกมากจนบางครั้งเกิดภาวะช็อก ถ้าเลือดออกเรื้อรังก็อาจเกิดภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็กได้

บางรายแผลอาจกินลึกจนเป็นรูทะลุ เรียกว่า แผลเพ็ปติกทะลุ ซึ่งอาจทำให้มีเยื่อบุช่องท้องอักเสบร่วมด้วยได้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องรุนแรง และหน้าท้องแข็ง ควรได้รับการผ่าตัดแก้ไขโดยด่วน

บางรายอาจมีภาวะกระเพาะหรือลำไส้อุดกั้น มีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียนรุนแรง และท้องผูก

ในรายที่แผลกินลึกไปถึงตับอ่อนอาจทำให้มีอาการปวดหลัง หรือมีอาการของตับอ่อนอักเสบร่วมด้วย

ผู้ที่เป็นแผลกระเพาะอาหารเรื้อรังจากเชื้อเอชไพโลไรก็อาจมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยขั้นต้นจากอาการ ส่วนการตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งผิดปกติ บางรายอาจรู้สึกกดเจ็บเล็กน้อยตรงบริเวณลิ้นปี่

ในรายที่มีเลือดออก (เช่น ถ่ายดำ) อาจตรวจพบอาการซีด

เนื่องจากไม่สามารถวินิจฉัยจากอาการแสดง แพทย์จำเป็นต้องวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะลำไส้ หรือเอกซเรย์กระเพาะลำไส้โดยการกลืนแป้งแบเรียม บางรายแพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม (เช่น การตรวจชิ้นเนื้อ การตรวจหาเชื้อเอชไพโลไร เป็นต้น)

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้ 

1. ถ้ามีอาการปวดกระเพาะครั้งแรกในคนอายุต่ำกว่า 40 ปี และสุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี ไม่มีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งยังบอกไม่ได้ว่าเป็นโรคแผลเพ็ปติกหรือไม่ แพทย์จะให้การรักษาเบื้องต้นแบบโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย โดยแนะนำการปฏิบัติตัว และให้ยาลดการสร้างกรดกลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊มป์ (เช่น โอเมพราโซล, แพนโทพราโซล, แลนโซพราโซล, ราบีพราโซล เป็นต้น)

ถ้ารู้สึกทุเลาหลังกินยาได้ 2-3 ครั้ง ควรกินต่อจนครบ 2 สัปดาห์ ถ้ารู้สึกหายดีควรกินยานานประมาณ 8 สัปดาห์

ถ้ากินยา 2-3 ครั้งแล้วยังไม่รู้สึกทุเลาแม้แต่น้อย หรือทุเลาแล้วแต่กินจนครบ 2 สัปดาห์แล้วรู้สึกไม่หายดี หรือกำเริบซ้ำหลังจากหยุดกินยาจนครบ 8 สัปดาห์แล้ว หรือ มีอาการเบื่ออาหาร กลืนลำบาก น้ำหนักลด ซีด ตาเหลือง ตับโต ม้ามโต คลำได้ก้อนในท้อง อาเจียนรุนแรง หรือสงสัยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือนิ่วน้ำดี หรือพบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุและความรุนแรงของโรคแผลเพ็ปติก และโรคอื่นๆที่อาจมีอาการคล้ายแผลเพ็ปติก นอกจากการใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะลำไส้แล้ว อาจทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ ตามโรคที่สงสัย(เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ คลื่นหัวใจ เป็นต้น)

2. เมื่อตรวจพิเศษแล้วพบว่าเป็นแผลเพ็ปติก แพทย์มีแนวทางการรักษา ดังนี้

2.1 แผลเพ็ปติกที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไพโลไร (จำเป็นต้องอาศัยการใช้กล้องส่อง และตรวจพบเชื้อเอชไพโลไร) การรักษามีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง รักษาแผลให้หายและกำจัดเชื้อเอชไพโลไรโดยให้ยาดังนี้

    ยาลดการสร้างกรดกลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊มป์ นาน 6-8 สัปดาห์ ร่วมกับ
    ยาปฏิชีวนะ 2-4 ชนิดร่วมกัน นาน 10-14 วัน เช่น เมโทรไนดาโซล คลาริโทรไมซิน (clarithromycin) อะม็อกซีซิลลิน เตตราไซคลีน บิสมัทซับซาลิไซเลต (bismuth subsalicylate)

2.2 แผลเพ็ปติกที่ไม่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไพโลไร เป็นแผลเพ็ปติกที่ตรวจไม่พบการอักเสบจากเชื้อเอชไพโลไร อาจมีสาเหตุจากการใช้ยาแอสไพริน หรือกลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ให้การรักษาด้วยยาลดการสร้างกรดกลุ่มโปรตอนปั๊มป์ นาน 4 สัปดาห์ (สำหรับแผลลำไส้เล็กส่วนต้นที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน) หรือนาน 6-8 สัปดาห์ (สำหรับแผลกระเพาะอาหาร หรือแผลเพ็ปติกที่มีภาวะแทรกซ้อน)

2.3 ในรายที่เป็นแผลเพ็ปติกเรื้อรังหรือเคยมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น หรือผู้สูงอายุ หรือในรายที่ยังสูบบุหรี่ อาจจำเป็นต้องกินยาลดการสร้างกรดนาน 3-6 เดือนหรือเป็นปี และอาจต้องใช้กล้องส่องตรวจและตรวจชิ้นเนื้อซ้ำจนกว่าแผลจะหายดี

ถ้าแผลเรื้อรังไม่ยอมหาย  อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

3. ถ้ามีอาการอาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายดำ หน้ามืด เป็นลม ช็อก หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง ปวดท้องติดต่อกันนานเกิน 6 ชั่วโมง อาเจียนรุนแรง หรือมีอาการท้องเกร็งแข็ง แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้การรักษาตามภาวะที่พบ เช่น

    ถ้าเสียเลือดมากอาจต้องให้เลือด แล้วทำการตรวจหาสาเหตุ และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

ถ้าตรวจพบว่ามีภาวะแผลเพ็ปติกทะลุ หรือกระเพาะหรือลำไส้ตีบตัน จำเป็นต้องผ่าตัดด่วน

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดแสบหรือจุกแน่นตรงใต้ลิ้นปี่ ก่อนหรือหลังอาหารนานเกิน 1 สัปดาห์  มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือมีประวัติเคยตรวจพบว่าเป็นโรคแผลเพ็ปติกมาก่อน หรือกินแอสไพริน หรือยาแก้ปวดข้อเป็นประจำ หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรปรึกษาแพทย์ 

เมื่อตรวจพบว่าเป็นแผลเพ็ปติก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

1. กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

2. ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด

3. ปฏิบัติตัว ดังนี้

    กินอาหารให้ตรงเวลาทุกมื้อ อย่าปล่อยให้หิว
    งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มกาเฟอีน น้ำอัดลม
    หลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์
    อาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด น้ำส้ม น้ำผลไม้ ถ้ากินแล้วมีอาการปวดท้องกำเริบ ควรงดจนกว่าจะหายดี
    ออกกำลังกายเป็นประจำ และหาวิธีผ่อนคลายความเครียด (ถ้าเครียด)

4. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดท้องมาก อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ ซีด ตาเหลือง คลำได้ก้อนในท้อง กินยารักษา 1 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดสังเกตที่สงสัยว่าเกิดจากผลข้างเคียงจากยาที่ใช้ (เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินหรือท้องผูก เป็นต้น)

การป้องกัน

ผู้ป่วยที่กินยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดแผลเพ็ปติก (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่ต้องใช้ยานี้ในขนาดสูงหรือนาน ๆ หรือใช้ร่วมกับยาสเตียรอยด์ ผู้ที่เคยเป็นแผลเพ็ปติกมาก่อน เป็นต้น) แพทย์จะให้กินยาลดการสร้างกรดป้องกันควบคู่ด้วย

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยควรกินยาอย่างต่อเนื่องและพบแพทย์ตามนัด การกินยาไม่ต่อเนื่องอาจทำให้กลายเป็นแผลเรื้อรังและรักษายากหรือมีภาวะแทรกซ้อนได้

2. เนื่องจากโรคแผลเพ็ปติกอาจมีอาการคล้ายอาหารไม่ย่อย (dyspepsia) ซึ่งมีสาเหตุได้หลากหลาย การวินิจฉัยโรคนี้ที่แน่ชัดจำเป็นต้องอาศัยการตรวจพิเศษ (เช่น ส่องกล้องหรือเอกซเรย์กระเพาะลำไส้)

3. มะเร็งกระเพาะอาหารระยะแรก (ซึ่งพบในคนอายุมากกว่า 40 ปีมากกว่าวัยที่ต่ำกว่า 40 ปี) อาจมีอาการคล้ายอาหารไม่ย่อย (dyspepsia หรือ "โรคกระเพาะ") หรือแผลเพ็ปติก และอาการสามารถทุเลาด้วยยาต้านกรดและยาลดการสร้างกรด แต่ต่อมาเมื่อแผลมะเร็งลุกลามมากขึ้น การใช้ยาจะไม่ได้ผล และจะมีอาการน้ำหนักลด อาเจียน หรือถ่ายดำตามมาได้ ดังนั้น หากรักษา "โรคกระเพาะ" โดยวินิจฉัยจากอาการแสดง 2 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้น มีอาการกำเริบบ่อย หรือพบในคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติเคยรักษาโรคแผลเพ็ปติกมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ให้ทำการตรวจพิเศษ (เช่น ส่องกล้องหรือเอกซเรย์กระเพาะลำไส้) เพื่อแยกแยะสาเหตุให้แน่ชัด หากพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารจะได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ ซึ่งได้ผลดีกว่าพบในระยะลุกลามแล้ว



6
ขายรถป้ายแดง Mitsubishi All New Triton Double Cab Prime รถทดลองขับ ไมล์น้อย

มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 PRIME 4WD ปี 2023
MITSUBISHI TRITON DOUBLE 4WD PRIME ตัวถังดีไซน์ใหม่!เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เครื่องยนต์ใหม่ ไฮเปอร์เพาเวอร์ กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ (184 PS) แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร เทอร์โบแปรผัน VG Turbo ช่วงล่างใหม่ พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบ Sport ระบบ Super Select 4WD-II สำหรับรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ และระบบ Easy Select 4WD สำหรับรุ่น ซิงเกิ้ล แค็บ ตรวจจับแรงบิดด้วยระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้าย (Limited Slip Differential: LSD) ช่วยกระจายกำลังด้วยอัตราส่วนร้อยละ 40 ที่ล้อหน้าและร้อยละ 60 ที่ล้อหลัง

เลือก 4 รูปแบบ 2H, 4H, 4HLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง) และ 4LLc (ระบบล็อกเฟืองท้ายกลางอัตราทดความเร็วต่ำ) พร้อมโหมดการขับขี่ ใหม่! 7 โหมด Normal และแบบ Eco, Gravel, Snow, Mud, Sand และ Rock พร้อม Active Yaw Control: AYC ความปลอดภัยขั้นสุด Diamond Sense

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 15 ก.ย. - 30 ธ.ค. 2567
ส่วนลด 150,000 สามารถนำมาเป็นเงินดาวน์เพื่อทำโปรฟรีดาวน์ได้

ราคาพิเศษ 798,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์          Mitsubishi
   รุ่น               มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 PRIME 4WD ปี 2023
   ประเภทรถ      รถกระบะ 4 ประตู
   ปีที่เปิดตัว      2023


7
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์: เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz GLE-Class GLE 300 d 4MATIC AMG Line ปี 2024
4,980,000 บาท

เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz GLE-Class GLE 300 d 4MATIC AMG Line ปี 2024
Mercedes-Benz GLE 300d 4MATIC AMG Line เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียงขนาด 2.0 ลิตร turbochargers ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator) พร้อมแบตเตอรี่แบบ 48V on-board electrical system ให้พละกำลังสูงถึง 15 กิโลวัตต์ กำลังแรงม้ารวมสูงสุดถึง 269 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,200 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC  สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Mercedes-benz
   รุ่น                    เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz GLE-Class GLE 300 d 4MATIC AMG Line ปี 2024
   ประเภทรถ           รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                 4,980,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (AMG Bodystyling , บันไดข้างสแตนเลสดีไซน์สปอร์ต พร้อมปุ่มยางกันลื่น)
ล้อแม็ก (AMG Multi-spoke 21")
ซันรูฟ (เปิดได้) (แบบ Panoramic Sunroof)
หลังคาแก้ว
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (แบบ LED)
กระจกกรองแสง
ไฟตัดหมอก (หลัง)
ระบบควบคุมระยะการจอด (กล้องมองภาพด้านหลัง)
ระบบไล่ฝ้ากระจกมองข้าง
ไฟหน้าส่องสว่างอัตโนมัติ (เปิด-ปิด อัตโนมัติ)
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟท้าย LED
ขนาดยางหน้า-หลัง (หน้า 275 / 50 R20 , หลัง 275 / 50 R20)
ราวหลังคา (แบบอลูมิเนียม)
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (พร้อมระบบฉีดน้ำทำความสะอาดไฟหน้า)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (กล้องมองภาพรอบทิศทาง , ระบบเปิด-ปิด ประตูท้ายอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า , ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ)
ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (ระบบช่วงล่างสปริงแบบ Lowered suspension)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ทำงานอัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (High Performance)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ
ล้ออัลลอย (20 นิ้ว)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้ (เบาะแถวหลังระบบไฟฟ้าแบบ 1/3 และ 2/3)
ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ
ระบบนำทาง (Navigator)
ตกแต่งภายใน (แผงประตู ARTICO)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
ม่านบังแดด (ประตูหลังซ้าย-ขวา)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) แบบ 64 สี)
หัวเกียร์หุ้มหนัง

สเปค
   เครื่องยนต์            ดีเซล แถวเรียง 4 สููบ 4 วาล์วต่อสูบ พร้อม 2-stage เทอร์โบชาร์จเจอร์ และอินเตอร์คูลเลอร์ /มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG (Integrated starter generator)

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       1,993 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    269 แรงม้า
   ระบบเกียร์                     เกียร์อัตโนมัติแบบ 9AT
   รูปแบบเกียร์                   แบบ 9G-Tronic
   ระบบเบรค ABS              มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง       ดีเซล, พรีเมียมดีเซล
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       85 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน                คอมมอลแรลแรงดันสูง
   น้ำหนักตัวรถ                    -
   ประเภทยางรถยนต์             -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)              ล้ออัลลอย (20 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน            ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time (พร้อมฟังก์ชั่น Electronic Traction System 4ETS)

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP, ระบบช่วยเบรก BAS (Brake Assist), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR)
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน)
เซ็นทรัลล็อค
สัญญาณกันขโมย
กุญแจนิรภัย
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบปรับระยะส่องไฟหน้า (ปรับระดับอัตโนมัติ)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์ (Assyst และ Mercedes-Benz emergency call system)
รีโมทคอนโทรล
ระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobilizer)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ไฟเบรกกระพริบ, เตือนแรงดันลมยาง, ระบบ ATTENTION ASSIST , ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมปะทะด้านข้าง (Crosswind Assist))
เข็มขัดนิรภัย (3 จุด 7 ที่่นั่่ง)
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HSA)
อื่นๆ (ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics,ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist) ,Active Lane Keeping Assist)
ระบบ intelligence around view monitor กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Electronic Traction System 4ETS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (ASR)
กุญแจแบบ Keyless-Go
ระบบสั่งการด้วยเสียง (Hey Mercedes)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค
ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE system)
กล้อง (กล้องแสดงภาพรอบทิศทางขณะถอยจอด,พร้อมการแสดงผลแบบ Transparent bonnet สําหรับการขับขี่แบบ OFF - ROAD)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4 MATIC)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW)
เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA
ระบบเตือนก่อนเปืดประตู Door Open Warning (DOW) (ระบบแจ้งเตือนยานพาหนะขณะเปิดประตูรถ (Exit warning function))
เบรกมือไฟฟ้า
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (สัญญาณเตือนเข็มขัดนิรภัยบนหน้าจอ สําหรับผู้โดยสารด้านหลัง)

8
ประกาศขายฟรี / ตรวจโรคมาลาเรีย (Malaria)
« เมื่อ: วันที่ 17 พฤศจิกายน 2024, 22:46:22 น. »
ตรวจโรคมาลาเรีย (Malaria)

มาลาเรีย (ไข้มาลาเรีย ไข้จับสั่น* ไข้ป่า ก็เรียก) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในบ้านเรา มักพบในบริเวณที่เป็นป่าเขา จึงพบได้แทบทุกภาคของประเทศ (ยกเว้นกรุงเทพฯ ในบริเวณที่เป็นตัวจังหวัด ตัวอำเภอ และที่ ๆ เป็นทุ่งนากว้างห่างจากป่าเขา)

เชื้อที่ทำให้เป็นไข้มาลาเรียมีอยู่หลายชนิด แต่ที่สำคัญในบ้านเรามี 2 ชนิด คือ พลาสโมเดียมฟาลซิพารัม (Plasmodium falciparum) กับ พลาสโมเดียมไวแวกซ์ (Plasmodium vivax)

มาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม พบได้ประมาณร้อยละ 50-80 มักมีปัญหาดื้อยาและมีภาวะแทรกซ้อนได้มาก (เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ไตวาย) เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

มาลาเรียชนิดไวแวกซ์ พบได้ร้อยละ 20-50 มักไม่ดื้อยา และมีภาวะแทรกซ้อนน้อย เชื้อนี้สามารถหลบซ่อนอยู่ในตับได้นาน ๆ ทำให้มีอาการกำเริบได้บ่อย โดยที่ไม่ต้องได้รับเชื้อใหม่ (จากการถูกยุงก้นปล่องกัด)

มักมีประวัติว่าอยู่ในเขตป่าเขา หรือกลับจากเขตที่มีมาลาเรีย เช่น ชลบุรี จันทบุรี ระยอง ตราด ตากอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ยะลา นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี ปากช่อง นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สกลนคร ขอนแก่น เลย เพชรบูรณ์ แพร่ น่าน เชียงราย แม่ฮ่องสอน เป็นต้น หรือเคยได้รับเลือด หรือเคยเป็นไข้มาลาเรียมาก่อน

*ในบ้านเราผู้ที่มีไข้หนาวสั่นมากหรือมีไข้นานหลายวัน เมื่อตรวจร่างกายไม่พบอาการอย่างอื่นชัดเจน หรือพบเพียงตับโตม้ามโต พึงนึกถึงมาลาเรีย ไทฟอยด์ สครับไทฟัส และเล็ปโตสไปโรซิสไว้เสมอ

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อมาลาเรีย ซึ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียว หรือโปรโตซัว (protozoa) เช่นเดียวกับบิดอะมีบา มียุงก้นปล่อง (anopheles) เป็นพาหะนำโรค คือต้องถูกยุงที่มีเชื้อมาลาเรียกัดจึงจะเป็นโรค

ระยะฟักตัว

ชนิดฟาลซิพารัม 9-14 วัน (เฉลี่ย 12 วัน)

ชนิดไวแวกซ์ 12-17 วัน (เฉลี่ย 15 วัน) อาจนาน 6-12 เดือน

ถ้าเกิดจากการให้เลือด อาจมีระยะฟักตัวสั้นกว่านี้ ถ้ามีการกินยาป้องกันมาลาเรียก็อาจมีระยะฟักตัวยาวกว่านี้

โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดกับผู้ที่อยู่หรือเข้าไปในเขตป่าเขาแล้วถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อมาลาเรียกัด ส่วนผู้ที่อยู่ในเมืองและไม่มีประวัติเดินทางเข้าไปในเขตป่าเขา อาจติดเชื้อจากการได้รับเลือดที่ปนเปื้อนเชื้อมาลาเรีย หรือได้รับเชื้อที่สนามบิน เนื่องจากยุงก้นปล่องอาจติดมากับเครื่องบินโดยบังเอิญ (ซึ่งมีโอกาสพบได้น้อยมาก)


วงจรชีวิตของเชื้อมาลาเรีย

1. เมื่อยุงก้นปล่องตัวเมียกัดคน ยุงจะปล่อยเชื้อระยะติดต่อที่มีชื่อว่า สปอโรซอยต์ (sporozoite) ที่มีอยู่ในน้ำลายเข้าสู่กระแสเลือดของคนแล้วเดินทางไปที่ตับ

2. เชื้อที่อยู่ในเซลล์ตับ จะเจริญและแบ่งตัวแบบไร้เพศ (ไม่ต้องผสมพันธุ์) กลายเป็นเชื้อที่มีชื่อ สคิซอนต์ (schizonte) ซึ่งภายในเซลล์มีเชื้อระยะที่แบ่งตัวแล้วที่มีชื่อว่า เมโรซอยต์ (merozoite) จำนวนมาก เชื้อจะอยู่ในเซลล์ตับนาน 5-15 วัน

เซลล์ตับที่มีเชื้อมาลาเรียอยู่จะโตขึ้นและแตกออก ปล่อยเชื้อเมโรซอยต์ออกมาในกระแสเลือด

สำหรับมาลาเรียชนิดพลาสโมเดียมไวแวกซ์ เชื้อบางส่วนยังคงหลบอยู่ในเซลล์ตับต่อไป ซึ่งเรียกว่า ฮิปโนซอยต์ (hypnozoite) และจะออกมาในกระแสเลือดเป็นครั้งคราว ทำให้มีอาการกำเริบซ้ำ ๆ ได้บ่อยโดยไม่ได้ติดเชื้อจากการถูกยุงก้นปล่องกัดครั้งใหม่

3. เชื้อเข้าสู่เม็ดเลือดแดง เจริญเป็นเชื้อระยะที่เรียกว่า โทรโฟซอยต์ (trophozoite)

4. ประมาณ 48 ชั่วโมงต่อมา เชื้อจะแบ่งตัวแบบไร้เพศอีกครั้ง และเม็ดเลือดแดงแตกออก ทำให้ได้เมโรซอยต์ 6-30 ตัว ซึ่งสามารถเดินทางเข้าสู่เม็ดเลือดแดงอื่น ๆ ต่อไป

ระยะที่เม็ดเลือดแดงแตก ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ หนาวสั่น

5. ขณะเดียวกัน เชื้อบางส่วนจะเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์เพศ (gametocyte) ซึ่งแบ่งเป็นตัวผู้กับตัวเมีย

6. เมื่อยุงก้นปล่องตัวเมียมากัดคนที่มีเชื้อมาลาเรียระยะที่เป็นเซลล์เพศในกระแสเลือด เซลล์เพศตัวผู้กับตัวเมียก็จะผสมกันเป็นตัวอ่อน (zygote) อยู่ในลำไส้ส่วนกลางของยุง ซึ่งจะเจริญต่อไปจนเป็นตัวแก่ (oocyst) ฝังตัวอยู่ในลำไส้ แล้วเชื้อตัวแก่จะแบ่งตัวเจริญต่อไปเป็นสปอโรซอยต์ ซึ่งจะเดินทางไปที่ต่อมน้ำลาย เพื่อรอแพร่เข้าสู่คน เมื่อยุงไปกัดคน
 

อาการ

อาการจะเกิดหลังจากได้รับเชื้อโดยถูกยุงก้นปล่องกัดประมาณ 9-17 วัน (แต่อาจนานหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนก็ได้) ใน 2-3 วันแรกอาจมีอาการไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเดินร่วมด้วย ต่อมาจึงจะมีอาการไข้จับสั่นเป็นเวลา* ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของมาลาเรีย

อาการจับไข้ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

1. ระยะหนาวสั่น มีอาการหนาวสั่นมากและไข้เริ่มขึ้น ปวดศีรษะ ผิวหนังซีด อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ระยะนี้กินเวลา 20-60 นาที

2. ระยะร้อน ไข้ขึ้นสูงประมาณ 40 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะมาก อาจปวดลึกเข้าไปในกระบอกตาหน้าแดง ตาแดง กระสับกระส่าย เพ้อ กระหายน้ำ ชีพจรเต้นเร็ว อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ ในเด็กอาจชักได้ กินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (อาจนาน 3-8 ชั่วโมง)

3. ระยะเหงื่อออก จะมีเหงื่อออกชุ่มทั้งตัว ไข้จะลดลงเป็นปกติ แต่จะรู้สึกอ่อนเพลียและหลับไป กินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ผู้ป่วยมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ มักจับไข้วันเว้นวัน หรือทุก 48 ชั่วโมง เวลาไม่จับไข้จะรู้สึกสบายดี มักจะคลำได้ม้ามโตในปลายสัปดาห์ที่ 2 ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะมีไข้วันเว้นวันอยู่ประมาณ 6 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน (หรืออาจนานกว่านั้น) แล้วจะหายไปเอง ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกต้อง แม้ว่าไข้จะหายไปแล้ว แต่ก็อาจกลับเป็นได้ใหม่หลังจากหายไป 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน แต่อาการจะน้อยกว่าครั้งแรก ผู้ป่วยอาจมีอาการกำเริบเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย และมักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง บางรายอาจกินเวลานานถึง 2-3 ปีกว่าจะหายขาด จึงเรียกว่า มาลาเรียเรื้อรัง

ผู้ป่วยมาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม มักจับไข้ทุกวัน หรือทุก 36 ชั่วโมง แต่อาจจับไม่เป็นเวลา อาจจับทั้งวันหรือวันละหลายครั้ง ระยะไม่จับไข้ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบาย และอาจมีไข้ต่ำ ๆ อยู่เรื่อย บางรายอาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดินร่วมด้วย ม้ามจะโตในวันที่ 7-10 ของไข้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ไข้จะลงภายใน 3-5 วัน ถ้ารักษาไม่ถูกต้อง อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงถึงตายได้ จึงเรียกว่า มาลาเรียชนิดร้ายแรง

*การจับไข้หนาวสั่นเกิดขึ้นเมื่อมีการแตกของเม็ดเลือดแดงที่มีเชื้อมาลาเรีย ทำให้มีการหลั่งสารหลายชนิด ก่อให้เกิดอาการไข้และอาการอื่น ๆ


ภาวะแทรกซ้อน

พบในมาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม มักเกิดกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ขาดอาหาร ร่างกายอ่อนแอ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ไม่เคยอยู่ในแดนมาลาเรีย) หรือได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่

    มาลาเรียขึ้นสมอง (cerebral malaria) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะมาก ซึม สับสน ชักกระตุกทั้งตัว หมดสติ มีอัตราตายสูงถึงร้อยละ 20 (ในหญิงตั้งครรภ์อาจสูงถึงร้อยละ 50)
    อาการชักโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางสมอง ซึ่งอาจพบในเด็กที่เป็นมาลาเรีย
    ภาวะไตวายเฉียบพลันเนื่องจากการอุดตันหลอดเลือดแดงฝอยที่ไต ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย พบในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก มีอัตราตายสูง
    ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยจะมีอาการหน้ามืด เป็นลม ใจสั่น เหงื่อออก มักพบในเด็กและหญิงตั้งครรภ์
    ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) มีอาการหอบ ฟังปอดได้ยินเสียงกรอบแกรบ
    ดีซ่าน (ตาเหลืองตัวเหลือง) และตับโต มักพบร่วมกับภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ไตวายเฉียบพลัน ปอดบวมน้ำ เป็นต้น
    ภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งมักจะพบร่วมกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
    ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
    ภาวะการเสียดุลน้ำและอิเล็กโทรไลต์
    โลหิตจาง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกง่าย และไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นชดเชยได้ไม่ทัน

ในกรณีที่เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการซีด เหลือง และปัสสาวะดำ เรียกว่า ไข้ปัสสาวะดำ (black water fever) ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่ใช้ยาควินิน ภาวะนี้อาจทำให้เกิดไตวายแทรกซ้อนได้

    ภาวะเลือดจับเป็นลิ่มทั่วร่างกาย (DIC) ทำให้มีเลือดออกทั่วร่างกายรุนแรง เป็นอันตรายถึงตายได้
    ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นมาลาเรีย นอกจากมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวแล้ว ยังอาจมีผลต่อทารกในครรภ์ เช่น แท้งบุตร ทารกเสียชีวิต ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักน้อย


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ไข้ประมาณ 40 องศาเซลเซียส หน้าแดง ตาแดง ม้ามโต (คลำได้ในปลายสัปดาห์ที่ 2 หลังมีไข้) อาจมีตับโต เริมที่ริมฝีปาก อาจมีอาการซีดเหลือง หรือปัสสาวะแดงเข้มหรือปัสสาวะดำเหมือนน้ำโคล่า

แต่ก็อาจไม่พบอะไรมากนอกจากไข้ก็ได้

ในเด็กที่เป็นเรื้อรัง อาจมีลักษณะพุงโรก้นปอด ขาดอาหาร ซีด ม้ามโต

ในรายที่เป็นมาลาเรียขึ้นสมอง จะมีอาการเพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หรือหมดสติ*

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือดหาเชื้อมาลาเรียด้วยวิธีต่าง ๆ

*ชาวบ้านบางแห่งอาจเข้าใจว่าเป็นอาการของผีเข้า พาไปรดน้ำมนต์ไล่ผี หรือทำพิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งอาจเสียชีวิต เพราะขาดการรักษาอย่างทันการณ์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ก. สำหรับมาลาเรียชนิดฟาลซิพารัม ให้ยารักษามาลาเรียขนานใดขนานหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ควินิน ร่วมกับเตตราไซคลีน หรือร่วมกับดอกซีไซคลีน
    เมโฟลควีน เพียงอย่างเดียว
    เมโฟลควีน ร่วมกับเตตราไซคลีน หรือดอกซีไซคลีน
    อาร์ทีซูเนต เพียงอย่างเดียว
    อาร์ทีซูเนต ร่วมกับเมโฟลควิน

ข. สำหรับมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ ให้คลอโรควีน หลังจากนั้นให้ไพรมาควีน เพื่อกำจัดเชื้อมาลาเรียที่หลบซ่อนอยู่ในตับให้หมดไป

ถ้ามีอาการสงสัยเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง (เช่น ซึม เพ้อ ชัก หรือหมดสติ) หรือมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ซีดมาก ดีซ่าน ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย หอบ เป็นต้น

จำเป็นต้องรับผู้ป่วยรักษาไว้ในโรงพยาบาล (ให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ให้น้ำเกลือ ให้เลือด ล้างไต เป็นต้น) ส่วนยามาลาเรียในระยะแรกอาจต้องให้ควินินหรืออาร์ทีซูเนตฉีดเข้าหลอดเลือดดำ จนกว่าอาการจะดีขึ้นจึงเปลี่ยนเป็นยากิน


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง หนาวสั่นมาก มีไข้วันเว้นวัน หรือมีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมาลาเรีย ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไข้ไม่ทุเลาใน 2-3 วัน หรือไข้ลดแล้วต่อมากลับมีไข้กำเริบใหม่
    มีอาการปวดศีรษะมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อ ชัก หายใจหอบ ซีด ตัวเหลืองตาเหลือง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. เมื่อต้องเดินทางเข้าไปในเขตป่าเขา ควรป้องกันไม่ให้ยุงก้นปล่องกัด โดยการนอนกางมุ้ง ทายากันยุง

2. ยาที่ใช้ป้องกันตามที่เคยแนะนำในอดีตนั้นพบว่าไม่ได้ผลมากนัก ในปัจจุบันจึงไม่แนะนำให้กินยาป้องกันล่วงหน้า แต่แนะนำว่า ถ้าออกจากป่าแล้วมีอาการไข้ หรือสงสัยเป็นมาลาเรีย ให้รีบทำการตรวจรักษา หรือในกรณีที่ต้องเข้าไปอยู่ในป่าที่เป็นถิ่นที่มีเชื้อมาลาเรียดื้อต่อยาหลายชนิดเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ (ซึ่งเป็นระยะฟักตัวของโรค) ก็ควรพกยารักษามาลาเรีย (ได้แก่ ควินิน เมโฟลควีน หรืออาร์ทีซูเนต) ไว้สำรองใช้ในยามฉุกเฉินเมื่อไม่สามารถตรวจเลือดได้ โดยใช้ในขนาดที่ใช้รักษามาลาเรีย

ข้อแนะนำ

1. อาการของมาลาเรีย อาจไม่ตรงไปตรงมา ผู้ป่วยอาจมีไข้สูงโดยไม่มีอาการหนาวสั่น หรือหนาวสั่นวันละหลายครั้งก็ได้ บางรายอาจมีไข้สูงตลอดเวลา อาจมีอาการปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ซึ่งอาการเหล่านี้อาจพบในโรคอื่น ๆ ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ทุกราย ควรถามถึงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาลาเรีย ถ้าพบว่าผู้ป่วยมีประวัติเข้าป่า หรือมีประวัติเคยได้รับเลือดมาภายใน 2 สัปดาห์ ถึง 2 ปี หรือสงสัยว่าจะเป็นมาลาเรียจากการติดเชื้อทางอื่น (เช่น ลูกที่เกิดจากมารดาที่เคยเป็นมาลาเรีย เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการเลี้ยงยุงก้นปล่อง เจ้าหน้าที่ที่ตรวจเลือด หรือบุคคลที่บ้านอยู่ใกล้สนามบิน ซึ่งเครื่องบินอาจนำยุงก้นปล่องมาจากประเทศอื่น เป็นต้น) ก็ควรจะต้องเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย

2. ผู้ป่วยมาลาเรีย อาจตรวจเลือดไม่พบเชื้อก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นโรคในระยะแรก ๆ (เชื้อมาลาเรียมีจำนวนน้อย) ดังนั้น ต้องแนะนำให้ผู้ป่วยตรวจเลือดซ้ำอีกครั้งภายใน 12-24 ชั่วโมง หรือขณะมีไข้ การตรวจเลือดบ่อย ๆ จะมีโอกาสพบเชื้อได้มากขึ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยที่กินยาป้องกันมาลาเรียมาก่อน หรือกินยารักษามาบ้างแล้ว ก็จะทำให้ตรวจพบเชื้อมาลาเรียได้ลำบากมากขึ้น เพราะจะเห็นเชื้อมาลาเรียไม่ชัดเจน ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยมีไข้และมีประวัติสงสัยติดเชื้อมาลาเรีย แม้ตรวจเลือดไม่พบเชื้อ ก็ควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและตรวจเลือดบ่อย ๆ อาจจำเป็นต้องรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาลเพื่อการตรวจวินิจฉัยที่ชัดเจน

3. ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วหากมีไข้กำเริบภายใน 2 เดือนโดยไม่มีประวัติติดเชื้อครั้งใหม่ อาจมีสาเหตุจากการติดเชื้อมาลาเรียทั้งชนิดฟาลซิพารัมและชนิดไวแวกซ์พร้อมกัน (พบได้ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ที่ติดเชื้อฟาลซิพารัม) แต่ได้รับการรักษาแบบชนิดฟาลซิพารัม จึงมีเชื้อชนิดไวแวกซ์หลบซ่อนอยู่ในตับ เกิดอาการกำเริบได้ หรือไม่ก็อาจเกิดจากได้ยาไม่ครบหรือเชื้อดื้อยา ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยมีอาการไข้กำเริบภายใน 2 เดือนหลังจากหายจากมาลาเรียครั้งแรกแล้ว ควรต้องเจาะเลือดตรวจหาเชื้ออีก

4. ผู้ป่วยควรกินยาให้ครบ ถ้าไม่ครบจะมีโอกาสเป็นไข้มาลาเรียกำเริบได้อีก ส่วนการกินยารักษามาลาเรีย ไม่ควรกินขณะจับไข้หนาวสั่น ผู้ป่วยอาจอาเจียนและได้ยาไม่ครบขนาด ควรให้ยาแก้ไข้หรือยาแก้อาเจียนนำไปก่อนสัก 1/2-1 ชั่วโมง เมื่ออาการไข้ทุเลาจึงให้ยารักษามาลาเรีย และหลังจากนั้นควรให้ผู้ป่วยนอนพักสัก 1-2 ชั่วโมง ไม่ควรลุกหรือเดินทันที เพราะอาจเกิดอาการเวียนหัว (ความดันโลหิตต่ำ) และอาเจียนได้

5. ผู้ป่วยที่มีอาการไข้และหนาวสั่นมาก ถ้าไม่ได้ประวัติติดเชื้อมาลาเรีย (เช่น ไม่ได้เข้าป่า หรือรับเลือด) อาจมีสาเหตุจากโรคอื่นก็ได้ ที่พบได้บ่อยก็คือ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน นอกนั้นก็อาจมีสาเหตุจากโรคปอดอักเสบระยะ 24 ชั่วโมงแรก ท่อน้ำดีอักเสบ สครับไทฟัส เล็บโตสไปโรซิส โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น จึงควรตรวจดูอาการให้ถ้วนถี่ด้วย

9
ทาวน์เฮ้าส์ ไลโอ ราชพฤกษ์ - ปทุมธานี (Lio Ratchaphruek - Pathumthani)
เริ่มต้น 2 ลบ. 

ไลโอ ราชพฤกษ์ - ปทุมธานี (Lio Ratchaphruek - Pathumthani)
โครงการใหม่ ทาวน์โฮม French colonial Style บนสุดยอดทำเล เชื่อมต่อทำเลเมือง ใกล้ราชพฤกษ์ตัดใหม่-ทางด่วนศรีสมาน ใกล้แหล่งช้อปปิ้งชื่อดัง โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ และ บิ๊กซี ปทุมธานี

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ             ไลโอ ราชพฤกษ์ - ปทุมธานี (Lio Ratchaphruek - Pathumthani)
 เจ้าของโครงการ        ลลิลพร็อพเพอร์ตี้
 แบรนด์ย่อย              ไลโอ
 ราคา                      เริ่มต้น 2 ลบ.

 ประเภทบ้าน           ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล         บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนบ้าน           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 แบบบ้านทั้งหมด      2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย         ตั้งแต่ 105 ถึง 125 ตร.ม.
 จำนวนชั้น            2 ชั้น
 หน้ากว้าง           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน    ตั้งแต่ 3 ถึง 4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ    ตั้งแแต่ 1 ถึง 2 คัน
 สาธารณูปโภค      สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, Keycard System

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน         ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง        คลองชมพูเดช ตำบลบางเดื่อ อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี 12000

 ขนส่งสาธารณะ            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Big C ปทุมธานี
Lotus's ปทุมธานี
Makro ปทุมธานี่
Robinson ศรีสมาน
The Nine Center ติวานนท์
Robinson ราชพฤกษ์
Lotus's North ราชพฤกษ์
โรงเรียนปทุมวิไล
โรงเรียนสาธิตปทุม (IIP)
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศหอวัง นนทบุรี
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์
โรงเรียนอนุบาลปาลินา ติวานนท์
สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์บางกะดี (SIIT TU)
มหาวิทยาลัยปทุมธานี
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี
ศูนย์การแพทย์
โรงพยาบาลกรุงไทยปทุม
โรงพยาบาลปทุมธานี
โรงพยาบาลปากเกร็ด 2
โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส

10
ประกาศขายฟรี / บริหารจัดการอาคาร: น้ำยาแอร์คืออะไร
« เมื่อ: วันที่ 16 พฤศจิกายน 2024, 17:18:05 น. »
บริหารจัดการอาคาร: น้ำยาแอร์คืออะไร

หลายคนเข้าใจว่าน้ำยาแอร์เมื่อใช้แอร์ไปก็จะหมดไปเรื่อย ๆ ความเข้าใจนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด น้ำยาแอร์เป็นก๊าซชนิดหนึ่งและไม่สลายตัวโดยง่าย เมื่อถูกนำไปใช้ในวงจรทำความเย็น น้ำยาจะไหลวนเวียนอยู่ภายในระบบท่อน้ำยาไปเรื่อยๆ ดังนั้น โอกาสเดียวที่น้ำยาแอร์จะหายไปก็คือเกิดการรั่วที่จุดใดจุดหนึ่งของท่อน้ำยาเท่านั้น วิธีการหารอยรั่วของระบบท่อน้ำยาที่สะดวกและเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือการใช้น้ำสบู่ ลูบไปตามท่อตรงจุดที่เกิดการรัวก็จะเกิดฟองสบู่ขึ้น เมื่อพบจุดที่รั่วแล้วก็จะต้องอุดรอยรั่ว เช่น การเชื่อมอุดรอยรั่วนั้นเสีย บางคนอาจจะถูกช่างหัวหมอหลอกเติมน้ำยา


ทั้งๆที่จริงแล้ว เราไม่จำเป็นจะต้องเติมน้ำยาแอร์ เพราะน้ำยาแอร์ไม่มีทางหมดไปได้นั่นเอง เผลออาจจะอยู่นานกว่าอายุการใช้งานของแอร์ด้วยซ้ำ แม้ว่าทุกส่วนของแอร์จะมีความสำคัญ และมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน แต่ในส่วนของน้ำยาแอร์ แม้จะไม่มีวันหมดแต่ก็มีความสำคัญมาก เพราะถ้าเกิดการรั่วซึม ก็อาจจะทำให้แอร์ไม่มีความเย็น ซึ่งหากเราเปิดใช้งานแอร์ไปทั้งๆที่ไม่มีน้ำยา ก็จะทำให้เราเปลืองค่าไฟอย่างมหาศาลและไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยก็ได้ ซึ่งวันนี้ ทางเราจะมาพูดถึงน้ำยาแอร์ว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลให้เราได้ทราบ เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจของกระบวนการการทำงาน เพื่อที่จะได้ไม่โดนหลอกเสียเงินฟรีๆ


ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับน้ำยาแอร์ เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเครื่องปรับอากาศนั้นมีหลักการทำงานอย่างไร ซึ่งการทำงานของเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศในห้องเย็นขึ้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเครื่องปรับอากาศนำความเย็นเข้าสู่ห้องแต่เป็นการที่เครื่องปรับอากาศนั้นทำการดึงเอาความร้อนที่อยู่ในระบบหรือก็คือความร้อนที่อยู่ในห้องของเรานั้นออกไปสู่อากาศด้านนอก โดยสิ่งที่ทำหน้าที่ดูดความร้อนหรือนำพาความร้อนออกจากห้องก็คือ น้ำยาแอร์ นั่นเอง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีพิษ มีน้ำหนักมากกว่าอากาศ มีจุดเดือดที่ต่ำกว่าสารทั่ว ๆ ไป ซึ่งสารทำความเย็นนี้ก็มีมากมายหลายชนิด โดยสารแต่ละตัวก็จะมีความแตกต่างกันที่คุณสมบัติเฉพาะตัวทางเทคนิค เช่น ความดัน , อุณหภูมิ และค่าความจุความร้อน


ซึ่งการจะเลือกใช้สารทำความเย็นชนิดไหนนั้นปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือขนาดของระบบนั้น ๆ หากพูดตามหลักจริงแล้ว หน้าที่ของสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ ก็คือ เป็นตัวกลางในการถ่ายโอนพลังงานค่าหนึ่งไปปล่อยยังบริเวณที่มีพลังงานสูงกว่านั่นเอง ทั้งนี้ เมื่อสารทำความเย็นไหลเข้าสู่เครื่องปรับอากาศในห้องจะมีสถานะเป็นของเหลว จากนั้นจะรับเอาความร้อนในห้องไว้และเปลี่ยนสถานะสารเป็นสถานะไอ และจะนำเอาความร้อนที่รับมาไปปล่อยออกสู่อากาศด้านนอก เป็นสาเหตุที่บริเวณตู้แอร์ด้านนอกนั้นมีลมร้อนออกมา และเมื่อปล่อยความร้อนออกไปแล้วก็จะกลายสถานะเป็นของเหลวเพื่อเตรียมเดินทางเข้าไปรับความร้อนในระบบอีกรอบหนึ่ง ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตลอด


การทำงาน ซึ่งส่วนสำคัญในกระบวนการทำงานนั้น น้ำยาแอร์ก็มีส่วนที่จะช่วยทำความเย็นออกมา หากปราศจากน้ำยาแอร์ หรือแอร์มีปัญหาการรั่วซึม นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้แอรืไม่เย็น เพราะน้ำยาแอร์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย หากมีการเสื่อมสภาพของสารทำความเย็น การรั่วหรืออุดตันของระบบการไหลเวียนสารทำความเย็นก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลงได้ ดังนั้น ควรหมั่นตรวจสภาพเครื่องปรับอากาศและทำความสะอาดอยู่เป็นประจำอยู่เสมอ และควรตรวจเช็ครอยรั่ว หากรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ก็สามารถให้ช่างที่มีความน่าเชื่อถือหรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบได้ หากมีรอยรั่วก็จะได้แก้ไข ให้แอร์สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ  สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก  เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

11
ประกาศขายฟรี / แก้ไขฟันห่าง ด้วยการจัดฟันเด็ก
« เมื่อ: วันที่ 15 พฤศจิกายน 2024, 18:19:10 น. »
แก้ไขฟันห่าง ด้วยการจัดฟันเด็ก

ปัญหาฟันห่างหรือมีช่องว่างระหว่างฟันนั้น เกิดขึ้นได้กับฟันทุกบริเวณ แต่จุดที่สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนและสร้างความไม่มั่นใจให้ใครหลายคน คือ บริเวณฟันหน้า ซึ่งสาเหตุของฟันห่างมีทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการรักษาทางการแพทย์มากมายที่ช่วยปิดช่องฟันห่างหรือลดช่องว่างระหว่างฟันได้อย่างเห็นผล เช่นเดียวกับเด็กที่มีฟันผุที่รุนแรงจนถึงขั้นสูญเสียฟัน บางครั้งก็อาจจะทำให้เกิดฟันห่างได้ ยิ่งถ้าบริเวณนั้น มีภาวะฟันแท้หายด้วยแล้ว ก็จะทำให้เด็กรู้สึกไม่มั่นใจได้ ดังนั้น การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้แก้ไขปัญหาฟันห่าง ต้องบอกก่อนว่า สาเหตุของการเกิดฟันห่างนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความผิดปกติของเนื้อเยื่อที่ยึดเกาะใต้ลิ้นกับพื้นด้านล่างของช่องปาก หรือเนื้อเยื่อใต้ริมฝีปากบนกับเหงือก เนื้อเยื่อเหล่านี้มีลักษณะเป็นเส้นและมีบทบาทในการพัฒนาโครงสร้างช่องปากตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อนทารกในครรภ์มารดา บางคนมีเนื้อเยื่อนี้ยึดติดมากกว่าปกติ

ซึ่งอาจส่งผลให้มีฟันหน้าห่างออกจากกันได้ รวมไปถึงขนาดฟันเล็กกว่าขากรรไกร หากมีฟันขนาดเล็กกว่าขากรรไกรหรือมีขากรรไกรที่ใหญ่เกินไป อาจส่งผลให้ฟันเรียงตัวห่างจากกันเพื่อเติมเต็มพื้นที่ขากรรไกร ซึ่งขนาดของฟันและขากรรไกรมีปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นตัวกำหนด หากพ่อแม่ฟันห่างก็มีโอกาสที่บุตรหลานจะมีฟันห่างไปด้วย ดังนั้นวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ที่จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันห่างในเด็กได้ สำหรับอาการฟันห่างนั้น เกิดขึ้นได้ทุกวัย ยิ่งถ้าหากมีปัญหาในเรื่องของฟันผุ การสูญเสียฟัน ก็อาจจะทำให้เกิดฟันห่างฟันล้มได้ ดังนั้น การรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันจึงมีความสำคัญมาก

สำหรับอาการฟันห่างในเด็กนั้น เกิดจากการที่เด็กติดนิสัยดูดนิ้ว อาจมีฟันหน้าห่างเนื่องจากแรงดันจากการดูดนิ้ว อย่างไรก็ตาม เด็กหลายคนอาจมีฟันหน้าห่างและมีเนื้อเยื่อยึดระหว่างลิ้นกับพื้นช่องปากมากเกินไปในระยะที่ฟันเริ่มงอกขึ้นมา แต่ช่องว่างดังกล่าวจะหายไปเพราะเนื้อเยื่อนี้จะค่อย ๆ สั้นลงเมื่อเวลาผ่านไป ส่วนฟันหน้าที่ห่างในวัยผู้ใหญ่นั้น ก็อาจหายไปโดยธรรมชาติได้เช่นกันหากมีฟันกรามขึ้นมาดันให้ฟันเข้ามาติดชิดกันในภายหลัง แต่ถ้าหากไม่หาย พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนก็เกิดความกังวลใจกลัวลูกจะเสียบุคลิกภาพและอาจจะโดนล้อได้ ดังนั้น การพาบุตรหลานเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะสามารถแก้ไขปัญหาฟันห่าง ฟันซ้อนเก ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว

เพราะการจัดฟัน มักใช้การจัดฟันแบบติดแน่น หรือสวมใส่เหล็กจัดฟัน เพื่อดึงฟันให้ค่อยๆ เรียงตัวชิดกันอย่างมีระเบียบ นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใสหรือจัดฟันแบบถอดได้ก็อาจได้ผลเช่นเดียวกันในบางกรณี สำหรับการเกิดฟันห่างในเด็กนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมและดูแลไม่ให้เด็กติดนิสัยดูดนิ้ว พยายามปรับการกลืนให้ลิ้นแตะเพดานปากแทนที่จะไปดันฟัน หมั่นให้เด็กดูแลรักษาความสะอาดปากและฟันเพื่อป้องกันโรคเหงือกโดยใช้แปรงสีฟันหรือไหมขัดฟันเป็นประจำ รวมทั้งเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนเป็นประจำทุก 6 เดือนด้วย นอกจากจะเป็นการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันแล้ว ยังช่วยปลูกฝังในเรื่องของความสำคัญของสุขภาพฟันให้เด็กด้วย

 หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีประสบการณ์ด้านการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน ทันตแพทย์ก็มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการสร้างความเข้าใจให้กับเด็ก เพื่อที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะได้นำไปพูดสร้างทัศนคติให้กับเด็กได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากเด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้มีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีความสุข

12
ทำบุญไหว้พระลำพูน แนะนำ 20 วัด ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรเสริมสิริมงคล

ลำพูน จังหวัดขนาดกะทัดรัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ดังคำขวัญที่ว่า พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญชัย … อีกทั้งยังเคยเป็นที่ตั้งของนครหริภุญชัย ในสมัยพระนางจามเทวี ทำให้หากได้ไปเที่ยวลำพูน หลายคนมักไปสักการะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี องค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย หรือสักการะกู่ช้างกู่ม้า แต่จริง ๆ แล้วดินแดนถิ่นล้านนาแก่าแก่แห่งนี้ ยังมีวัดวาอาราม ทั้งงดงามและมีสิ่งศักดิ์ให้ได้ไปกราบไหว้อยู่อีกมากมาย วันนี้เราเลยรวมสถานที่ไหว้พระลำพูน ในอำเภอต่าง ๆ มาแนะนำกัน ไปดูสิว่ามีที่ไหนบ้าง

1. วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร
          สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูนมายาวนานหลายร้อยปี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1651 สมัยพระเจ้าอาทิตยราช ราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน มีถนนล้อมรอบ 4 ด้าน ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ​ ลำพูน หริภุญไชย และถนนคนเดินลำพูน เป็นพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ในอดีตนิยมเรียกว่า วัดเจดีย์หลวง มีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระธาตุหริภุญไชย เจดีย์ทรงล้านนา หุ้มแผ่นทองจังโกทั้งองค์ สูงประมาณ 92 ศอก มีฐานเป็นบัวลูกแก้วย่อเก็จ แล้วจึงเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ซึ่งรองรับองค์ระฆังกลมสีทอง มีความเชื่อกันว่าเป็นพระธาตุประจำปีระกา หากผู้ที่เกิดปีนี้ได้มากราบไหว้ขอพรก็จะเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต และในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการและสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี

การกราบบูชาพระธาตุหริภุญชัย

     นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

     สุวัณณะเจติยัง หริภุญชะยัฏฐัง วะระโมลีธารัง อุรัฏฐิเสฏฐัง สะหะอังคุลิฏฐิง

     กัจจายะเนนานีตะ ปัตตะปูรัง สีเสนะ มัยหัง ปะระมามิ ธาตุง อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ

          ข้าพเจ้าขอน้อมเศียรเกล้าของข้าพเจ้านอบน้อมพระธาตุอันเป็นพระเจดีย์ทอง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหริภุญชัย คือ พระอัฐิเบื้องพระธารพระโมลีอันประเสริฐ พระอัฐิเบื้องพระทรวงอันประเสริฐสุด กับทั้งพระอัฐิพระองคุลี และพระธาตุย่อยเต็มบาตรหนึ่งอันพระกัจจายนะนำมา ข้าพเจ้าขอวันทาในกาลทุกเมื่อแล
          ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่งทุกชาติไป ขอตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยผลบุญแห่งการบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วยความเลื่อมใส พึงเป็นปัจจัยแด่พระนิพพาน ขออุทิศกุศลผลบุญให้แด่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ผู้ประพฤติธรรมอันสมควรค่าแก่ธรรม ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบ ในการดำรงรักษาไว้ซึ่งประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านดังกล่าวนามมานั้น จงมีแต่ความสุขเทอญ

    ที่ตั้ง : ถนนรอบเมืองใน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
    เฟซบุ๊ก : วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน
    Google Map : วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร

     2. วัดมหาวันวนาราม พระอารามหลวง (พระรอด)
          วัดเก่าแก่ของลำพูนที่มีอายุยาวนานถึง 1,300 ปี ตั้งอยู่ที่ถนนจามเทวี ห่างจากอนุสาวรีย์พระนางจามเทวีประมาณ 1 กิโลเมตร มีชื่อเต็มคือ วัดมหาวันวนาราม เป็นอีกหนึ่งในอดีตเป็นอารามหลวงในสมัยพระนางจามเทวี และเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์วัดมหาวัน ซึ่งบรรจุพระรอดลำพูน 1 ใน 5 พระเครื่องชุดเบญจภาคีที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด เชื่อกันว่าพระรอดองค์นี้มีความสักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก สามารถขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีและคุ้มครองผู้ที่ไปกราบไหว้บูชาให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายและความวิบัติต่าง ๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม รวมถึงให้โชคลาภอีกด้วย สมัยก่อนที่นี่เป็นที่ปลุกขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนและเหล่าทหารที่ต้องสู้รบในยามศึก ในปัจจุบันก็ยังเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านทั่วไป

คำกล่าวบูชาพระรอด

     อิมัง พุทธะสักขีปะฏิมัง อะภิชะยามะ

     อะยัง พุทธะปะฏิมายะ ปูชะนัสสะ

     อานิสังโส อัมหากัง ทีฆะรัตตัง

     หิตายะ สุขายะ สังวัตตะตุ

     ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอบูชาอย่างยิ่ง ซึ่งพระพุทธสักขีปะฏิมา (พระรอด) นี้
     ขออานิสงส์แห่งการบูชาซึ่้งพระพุทธสักขีปะฏิมานี้ จงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานฯ

    ที่ตั้ง : ถนนจามเทวี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
    เฟซบุ๊ก : วัดมหาวัน จ.ลำพูน พระรอดหลวง
    Google Map : วัดมหาวันวนาราม

3. วัดสันป่ายางหลวง
           วัดสวยที่ตั้งอยู่ในตำบลในเมือง ไม่ไกลจากตลาดเทศบาลเมืองลำพูนและสำนักงานเทศบาลเมืองลำพูน เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ของจังหวัด สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1074 ประดิษฐานพระอัฐิธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ พระสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยอายุที่ยาวนานกว่าพันปี ทำให้วัดแห่งนี้ต้องผ่านพ้นหลายยุคหลายสมัย สถาปัตยกรรมของที่นี่จึงได้รับอิทธิพลมาจากหลากหลายวัฒนธรรม มีการแกะสลักลวดลายปูนปั้นไว้อย่างสวยสดงดงาม และที่โดดเด่นที่สุดคือ ศิลปะแบบหริภุญชัยแท้ ๆ อย่าง พระวิหารพระโขงเขียว หรือพระวิหารพุทธรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย (พระหยกเขียวจากแม่น้ำโขง) มีการแกะสลักลายปูนปั้นไว้ในพระวิหารอย่างสวยงาม แม้กระทั่งมุมหน้าจั่ว เชิงเพดานหลังคาด้านต่าง ๆ รวมไปถึงเสาพระวิหารก็จะแกะสลัก ลงรักปิดทองไว้ และใช้วัสดุเสาไม้ตะเคียนทอง ไม้แดง จากประเทศลาว เมียนมา และไทยในการสร้าง นอกจากนี้ในอดียยังใช้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงศพพระนางจามเทวีด้วย จึงถือเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดลำพูนที่ควรไปสักการะสักครั้ง

คำกราบไหว้บูชาเจ้าแม่จามเทวี

     ยา เทวี จะมะเทวีนามิกา อะภิรูปา อะโหสิ ทัสสะนียา ปาสาทิกา

     พุทธสาสะเน จะ อะภิปะสันนา สา อตีเต เมตตายะ เจวะ ธัมเมนะ

     จะ หะริภุญชะยะธานิยา รัชชัง กาเรสิ, อะหัง หะริภุญชะยานะคะระ

     วาสีนังปิ มะหันตัง หิตะ สุขัง อุปาเทสิ, อะหัง ปะสันเนนะ

     เจตะสา ตัง วันทามิ สิระสา สัพพะทาฯ

สถานที่ไหว้พระลำพูน

    ที่ตั้ง : ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
    เฟซบุ๊ก : วัดสันป่ายางหลวง ลำพูน
    Google Map : วัดสันป่ายางหลวง

4. วัดจามเทวี
           วัดเก่าแก่ที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยล้านนา ตั้งอยู่ห่างจากวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร ประมาณ 2 กิโลเมตร และห่างจากวัดมหาวันวนารามเพียง 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 มีเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมก่อด้วยศิลาแลง 5 ชั้น ฐานกว้าง 15.25 เมตร ความสูง 21 เมตร แต่ละด้านประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนอยู่เป็นชั้น ๆ ภายในบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ตามตำนานเล่าว่า เจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวีได้สร้างขึ้น เพื่อบรรจุอัฐิของพระนาง เดิมมียอดห่อหุ้มด้วยทองคำ แต่หายไป ชาวบ้านจึงเรียกว่า กู่กุด หรือชื่อทางการว่า พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ นอกจากนี้ยังมี รัตนเจดีย์ อยู่ด้านขวาของวิหาร รวมถึงมีกู่ที่บรรจุอัฐิของครูบาเจ้าศรีวิชัย และสถานที่พระราชทานเพลิงศพครูบาเจ้าศรีวิชัย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2489

คาถาบูชาพระแม่จามเทวี

     นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
     ยา เทวี จะมะเทวีนามิกา อะภิรูปา อะโหสิ ทัสสะนียา ปาสาทิกา

     พุทธสาสะเน จะ อะภิปะสันนา สา อตีเต เมตตายะ เจวะ ธัมเมนะ

     จะ หะริภุญชะยะธานิยา รัชชัง กาเรสิ, อะหัง หะริภุญชะยานะคะระ

     วาสีนังปิ มะหันตัง หิตะ สุขัง อุปาเทสิ, อะหัง ปะสันเนนะ

     เจตะสา ตัง วันทามิ สิระสา สัพพะทาฯ

    ที่ตั้ง : ถนนจามเทวี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
    Google Map : วัดจามเทวี

5. วัดพระยืน
          วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลำพูน มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของเมืองหริภุญชัย ตั้งอยู่บ้านพระยืน ตำบลเวียงยอง ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอเมืองลำพูน โดยหลังจากที่พระนางจามเทวีขึ้นครองเมืองได้ 8 ปี ได้สร้างวัดนี้ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 1213 เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระสังฆเถระที่ติดตามมาจากเมืองละโว้ มีชื่อว่า วัดอรัญญิการาม แต่บ้างก็ว่า พระเจ้าอัมมิกราช กษัตริย์หริภุญชัยเป็นผู้สร้างขึ้น สิ่งสำคัญภายในวัด คือ พระเจดีย์ทรงมณฑป มีพระพุทธรูปยืนทั้ง 4 ทิศ เครื่องบนประกอบด้วยเจดีย์ห้ายอด โดยมีเจดีย์ทรงระฆังและเจดีย์ทรงกลมขนาดเล็กเป็นประธาน คล้ายกับอานันทเจดีย์ที่เมืองพุกามและเจดีย์วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ให้ได้สักการะ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าทันใจ ท้าวเวสสุวรรณ เป็นต้น

คำไหว้พระธาตุเจดีย์วัดพระยืน

     นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

     สังเว จะเจติยัง กะกุสันทัง โกนาคะมะนัง

     กัสสัปปัง โคตะมัง ศรีอริยะเมตตะยัง

     อะหัง วันทามิ สัพพะทา

     ข้าพเจ้าขอน้อมพระเจดีย์อันประเสริฐนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

     อันประกอบด้วย พระกะกุสัมโท พระโกนาคะมะโน พระกัสสะโป พระโคตะโม พระศรีอริยะเมตไตย

     ขอจงประทานพร บารมีปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้า ในกาลทุกเมื่อเทอญ
สถานที่ไหว้พระลำพูน

    ที่ตั้ง : บ้านพระยืน หมู่ที่ 1 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
    Google Map : วัดพระยืน

6. วัดพระคงฤาษี
           วัดที่สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวีครองเมืองหริภุญชัย ตั้งอยู่ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลเหมืองง่า ห่างจากศาลเจ้าแม่จามเทวีไม่เกิน 1 กิโลเมตร เดิมชื่อ วัดอาพัทธาราม พระนางจามเทวีโปรดให้สร้างขึ้น เป็นหนึ่งในจำนวน 4 วัด เพื่อเป็นจตุรพุทธปราการ เมื่อปี พ.ศ. 1223 ประจวบกับก่อนหน้านี้มีฤาษี 2 ตน คือ พระสุเทวฤาษี และ พระสุกกทันตฤาษี ได้พบกัน ณ วัดแห่งนี้ เพื่อปรึกษาหารือในการสร้างหริภุญชัยนคร และเนื่องจากมีผู้พบพระพิมพ์เนื้อดินเผา เรียกว่า พระคง (พระเครื่องศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองลำพูน) ที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก และเชื่อกันว่าเป็นพระคงที่ฤาษี 2 ตนนี้สร้างไว้ จึงเรียกวัดนี้ว่า วัดพระคงฤาษี อีกทั้งตามตำนานยังเล่าว่า วาสุเทพฤาษี  ได้ใช้ไม้เท้ากรีดพื้นเพื่อเขียนแผนผังเมืองลำพูนตรงพระเจีดย์นี้ พระนางจามเทวีจึงทรงสร้างพระเจดีย์ขึ้นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม แล้วให้นายช่างแกะสลักเป็นรูปพระฤาษีทั้ง 4 ตนไว้ แต่ละตนถือไม้เท้าในมือ รูปปั้นแกะสลักฤาษีสร้างด้วยศิลาแดง เมื่อทำเสร็จได้นำไปบรรจุไว้ภายในซุ้มประตูทั้ง 4 ด้านของพระเจดีย์ โดยทางทิศเหนือเป็นรูปวาสุเทพฤาษี ทิศตะวันออกเป็นรูปพระพรหมฤาษี ทิศตะวันตกเป็นรูปของพระสมณนารคฤาษี และทิศใต้เป็นรูปของสุกกทันตฤาษี

คำบูชาพระคงฤาษี

     ฤ ฤ ฤาฤา ฤ ฤ ฤา ชาฤาษี นารอด

     ฤาษีร้อยแปดประสิทธิเม

    ที่ตั้ง : ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
    Google Map : วัดพระคงฤาษี

7. วัดดอยติ
          วัดสำคัญที่ตั้งอยู่บ้านหนองบัว ตำบลป่าสัก ห่างจากตัวเมืองลำพูนประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2025 ไฮไลต์โดดเด่นคือ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชาครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ผู้ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยหลังจากพิธีพระราชทานเพลิงสรีระ ณ วัดจามเทวี ได้จัดสร้างสถูปหรือกู่บรรจุอัฏฐิไว้ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชา

คำไหว้ครูบาศรีวิชัย

     นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

     อะยัง วุจจะติ สิริวิชะโย นามะ มหาเถโร

     อุตตะมะสีโล นะระเทเวหิ ปูชิโต โส ระโห

     ปัจจะยาทีนัง มะหะลาภา ภะวันตุ เม

     อะหัง วันทามิ สัพพะทา อะหัง วันทามิ สิระสา

     อะหัง วันทามิ สัพพะโส สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ

    ที่ตั้ง : บ้านหนองบัว หมู่ที่ 2 ตำบลป่าสัก อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
    เฟซบุ๊ก : วัดดอยติ
    Google Map : วัดดอยติ

8. วัดพระพุทธบาทตากผ้า
          ปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดลำพูน เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ที่ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง ระหว่างดอยม่อนช้างกับดอยเครือ ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธองค์ได้เสด็จจาริกพร้อมด้วยสาวกไปตามสถานที่ต่าง ๆ จนถึงบริเวณนี้ ได้รับสั่งให้นำจีวรที่ซักระหว่างทางออกมาตากบนหน้าผาหิน จากนั้นจึงทรงอธิษฐานเหยียบพระบาท ประดิษฐานรอยไว้บนลานผาลาด ซึ่งปัจจุบันก็ยังปรากฏเป็นรอยตารางคล้ายจีวรของพระอยู่ บนม่อนดอยเบื้องหลังวัดได้มีการสร้างพระเจดีย์ เป็นศิลปะที่ผสมผสานจากพระธาตุดอยสุเทพและพระธาตุหริภุญชัย โดยมีบันไดนาค 469 ขั้น เชื่อมระหว่างเจดีย์บนม่อนดอยกับวัดพระบาทตากผ้าที่เชิงดอย นอกจากนี้ผู้คนยังนิยมไปไหว้  ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้าด้วย

           ทั้งนี้ เมื่อถึงวันอัฐมีบูชา แรม 8 ค่ำ เดือนแปด ซึ่งเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วัดจะมีประเพณีสรงน้ำพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี

    ที่ตั้ง : เลขที่ 279 หมู่ 6 ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.
    เฟซบุ๊ก : วัดพระพุทธบาทตากผ้า
    Google Map : วัดพระพุทธบาทตากผ้า

9. วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว
         วัดในอำเภอป่าซาง ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเรือน ไม่ไกลจากวัดเกาะกลาง (โบราณสถานที่มีความเก่าแก่ของลำพูน) เป็นสถานที่ประดิษฐาน พระเจ้าตาเขียว หรือ พระพุทธปฏิมาพระเนตรเขียว พระพุทธรูปโบราณขนาดใหญ่ ปางนั่งขัดสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 13 ศอก สูง 18 ศอก พระเนตรมีสีเขียว (ตามตำนานเล่าว่าเป็นแก้วมรกตมณีนิลจากแดนทิพย์ของพระอินทร์) การสร้างพระพุทธรูปนี้เริ่มสร้างเมื่อเดือนขึ้น 8 ค่ำ พ.ศ. 1235 เสร็จสมบูรณ์ เดือนยี่แรม 5 ค่ำ ปีพ.ศ. 1235 โดยสร้างครอบอุโมงค์ที่บรรจุพระเกศาธาตุ (อุโมงค์ดังกล่าวอยู่ใต้พื้นพระพุทธรูปปัจจุบันนี้) นิยมไปไหว้ขอพรในเรื่องต่าง ๆ บริเวณหน้าด้านของพระวิหารจะมีรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณอยู่ด้านซ้าย และรูปปั้นท้าวกุมภัณฑ์อยู่ทางด้านขวาให้ได้สักการะกันด้วย

    ที่ตั้ง : ตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
    เฟซบุ๊ก : วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว
    Google Map : วัดบ้านเหล่าพระเจ้าตาเขียว

13
motor show 2025: MG3 Hybrid+ VS Honda City Hatchback e:HEV แฮทช์แบ็คไฮบริดคันไหนดี?

เราทราบกันแล้วว่า All New MG3 Hybrid+ เปิดตัวและเผยราคาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาทั้งหมดแล้ว คู่แข่งโดยตรงของรถคันนี้คงหนีไม่พ้น Honda City Hatchback e:HEV ซึ่งเป็นรถท้ายตัดขุมพลังไฮบริดเหมือนกัน ก่อน งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 ปลายปีนี้จะมาถึง เรามาดูกันก่อนว่าทั้ง 2 รุ่น นั้นมีจุดดีจุดด้อยต่างกันอย่างไร

 ด้วยราคาพิเศษช่วงเปิดตัว 559,900 - 599,900 บาท ทำให้ MG3 Hybrid+ ได้เปรียบ City Hatchback e:HEV ซึ่งมีราคา 729,000 - 799,000 บาทอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคันนี้มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป มาลองเทียบกันดูว่าคันไหนจะเหมาะคุณมากกว่ากัน

 ราคา All New MG3 Hybrid+ VS Honda City Hatchback e:HE

 ราคา All New MG3 Hybrid+
All New MG3 Hybrid+ รุ่น D ราคา 559,900 บาท
All New MG3 Hybrid+ รุ่น X ราคา 599,900 บาท
เป็นราคาพิเศษเฉพาะ 1,000 คันแรกเท่านั้น จากนั้นจะปรับขึ้นเป็น 579,900 - 619,900 บาท

 ราคา Honda City Hatchback e:HEV
Honda City Hatchback e:HEV SV ราคา 729,000 บาท
Honda City Hatchback e:HEV RS ราคา 799,000 บาท

 MG3 Hybrid+
มิติตัวถัง All New MG3 Hybrid+ VS Honda City Hatchback e:HEV

 มิติตัวถัง   All New MG3 Hybrid+   Honda City Hatchback e:HEV
ความยาว (มม.)   4,113   4,369
ความกว้าง (มม.)   1,797   1,748
ความสูง (มม.)   1,502   1,501
ระยะฐานล้อ (มม.)   2,570   2,589
Honda City Hatchback e:HEV

 ดีไซน์ภายนอกของ MG3 Hybrid+ ผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหราได้อย่างลงตัว ดีไซน์ไฟหน้าแบบใหม่ Hunter Eye Headlamp หรือ ดวงตานักล่า ที่ดูโฉบเฉี่ยว พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว เส้นสายการออกแบบรอบตัวถังเน้นความโค้งมนตามแบบฉบับของเอ็มจี

 ออพชั่นที่น่าสนใจ ได้แก่ ไฟหน้า LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ (ในรุ่น X) พร้อม DRL, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (ในรุ่น X) และใบปัดน้ำฝนด้านหลัง และยังมาพร้อมล้ออัลลอย 16 นิ้วทุกรุ่นย่อย

 สีตัวถังมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดง (Scarlet Red) สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีเทา (Metal Ash Grey) จับคู่กับเบาะสีดำ ในรุ่น D ทั้งยังมีสีให้เลือกเพิ่มเติม คือ สีฟ้า (ST. Moritz Blue) และ สีเหลือง (Pastel Yellow) ในรุ่น X

 ห้องโดยสารของรถคันนี้ออกแบบภายใต้แนวคิด Modular Concept ที่ให้ความสำคัญกับวัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ มาในสีทูโทนขาวสลับดำ (รุ่น X) และสีดำล้วน (รุ่น D) เน้นความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอย เน้นพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room) และพื้นที่วางขา (Leg room)

 เมื่อเข้าห้องโดยสารเราจะเห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของรถ เริ่มที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง, มาตรวัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว, หน้าจอกลางรองรับระบบสัมผัส 10.25 นิ้ว และรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, เบาะนั่งคู่หน้าปรับมือ, เบรคมือไฟฟ้า EPB พร้อม AVH (Auto Vehicle Hold) รวมถึงระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลพร้อมกรองอากาศ PM 2.5

 นอกจากนี้ MG3 Hybrid+ ยังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบเสียงลำโพง 6 ตำแหน่ง, ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start รวมถึงช่องใส่ของภายในห้องโดยสาร 25 จุด

 MG3 Hybrid+ มีเบาะหลังที่พับได้แบบ 60:40 ความจุห้องสัมภาระอยู่ที่ 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร

 สำหรับ Honda City Hatchback e:HEV ปีนี้คือโฉมไมเนอร์เชนจ์แล้ว โดยยังคงหน้าตาคล้ายโฉมก่อน และปรับออพชั่นให้น่าใช้มากยิ่งขึ้นทั้งภายนอกภายใน รวมถึงเพิ่มรุ่นย่อย SV เข้ามาสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

 ออพชั่นภายนอกที่โดดเด่น ได้แก่

 ไฟหน้า LED (ในรุ่น RS) และโปรเจคเตอร์ (รุ่น SV) ไฟ DRL แบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ, ไฟตัดหมอก LED (รุ่น RS)
ไฟท้าย LED
กระจังหน้าลายรังผึ้งตกแต่งด้วยสีดำเงา (รุ่น RS) และโครเมียม (รุ่น SV)
ระบบปัดน้ำฝนหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (รุ่น RS)
ล้ออัลลอย 16 นิ้วสีดำแบบสปอร์ต (RS) และสีทูโทน (SV)

 สีภายนอกมีให้เลือก 6 สี ได้แก่
สีขาวมุก Platinum White Pearl (เพิ่ม 10,000 บาท)
สีเทา Sonic Grey Pearl (เพิ่ม 6,000 บาท)
สีเทา Meteoroid Grey Metallic
สีดำมุก Crystal Black Pearl (เพิ่ม 6,000 บาท)
สีแดง Ignite Red Metallic
สีน้ำเงิน Brilliant Sporty Blue

 สำหรับดีไซน์ภายในของ City Hatchback e:HEV ไม่มีอะไรที่หวือหวานัก มีการจัดเรียงฟังก์ชันต่าง ๆ เหมือนรถยนต์ทั่วไป เริ่มที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย, เบาะหนังผสมหนังสังเคราะห์, มาตรวัดพร้อมจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว, จอกลางขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

 ออพชั่นที่น่าสนใจ ได้แก่ เบรคมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold, ช่องแอร์ผู้โดยสารด้านหลัง, ช่องเชื่อมต่อและชาร์จ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง หลัง 2 ตำแหน่ง, ลำโพง 8 ตำแหน่ง (RS) และ 4 ตำแหน่ง (SV), เชื่อมต่อ Honda CONNECT (RS)

แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคู่แข่งคันอื่น ๆ คือเบาะหลังแบบ Ultra Seat ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน นอกจากการพับ 60:40 ที่เรียบไปกับพื้นห้องสัมภาระแล้ว เบาะรองนั่งยังสามารถพับยกขึ้นเพื่อบรรทุกของที่มีความสูงได้ หรือปรับเบาะหน้าเอนเชื่อมต่อกับเบาะหลังเพื่อนอนยาวได้

เครื่องยนต์ MG3 Hybrid+

 MG3 Hybrid+ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมระบบแปรผันวาล์ว DVVT กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (PS) แรงบิด 128 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ High-performance Permanent Magnet Synchronous Motors กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร

 พละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบอยู่ที่ 194 แรงม้า(PS) (143 kW) แรงบิด 250 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC) ความจุ 1.83 kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-AT 3 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า

 เครื่องยนต์ Honda City Hatchback e:HEV

 เครื่องยนต์รหัส LEB8 เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมหัวฉีด PGM-FI ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า(PS) แรงบิด 127 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 109 แรงม้า(PS) แรงบิด 253 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 1.0 kWh จับคู่ระบบส่งกำลังแบบ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า

 ขุมพลังของ MG และ Honda ให้ทั้งอัตราเร่งที่ดี แถมให้ความประหยัดในระดับ 20+ กิโลเมตร/ลิตร ได้สบาย ๆ แต่ดูเหมือนว่าระบบไฮบริดของ MG จะได้เปรียบกว่าเล็กน้อย เพราะมาพร้อมเกียร์ 3 สปีดซึ่งจะให้ความเร็วปลายไหลไปได้ดีกว่า

 ความปลอดภัย All New MG3 Hybrid+ VS Honda City Hatchback e:HEV

 ความปลอดภัย MG3 Hybrid+

 MG3 Hybrid+ มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่หรือ ADAS พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)

 ระบบความปลอดภัยพื้นฐานมีดังนี้
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
ระบบ ABS/EBD/EBA/TCS
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)
ส่วนระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) จะมีในรุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นท็อปเท่านั้น ดังนี้
กล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW (Unsteady Driving Warning)
ระบบความปลอดภัย Honda City Hatchback e:HEV

 ความปลอดภัย Honda City Hatchback e:HEV

 Honda City Hatchback e:HEV มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานดังนี้
ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (RS) และ 4 ตำแหน่ง (SV)
ระบบ ABS/EBD/VSA
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็ว Auto Door Lock by Speed
ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)   
ระบบสัญญาณกันขโมย
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
กล้องมองหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX

 ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Honda SENSING ได้แก่
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch (RS)
ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS
ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC with LSF Low Speed Following
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ LCDN

 เรียกได้ว่า ทั้ง MG และ Honda มีระบบความปลอดภัยที่สูสีกันเลย โดยทั้งสองคันไม่มีระบบเตือนจุดบอดด้านข้างหรือ Blind Spot Monitoring แต่อย่างใด โดย MG มีเพียงกล้องรอบคัน 360 องศา (ในรุ่น X) และ Honda มีเพียง Honda LaneWatch (ในรุ่น RS) เพื่อช่วยในการสอดส่องจุดบอดเท่านั้น

 สรุป MG3 Hybrid+ VS Honda City Hatchback e:HEV
สรุป: เลือก MG ที่คุ้มค่ากว่า หรือเพิ่มเงินไป Honda เพื่อความสบายใจ

 สำหรับ All New MG3 Hybrid+ ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับ Honda City Hatchback e:HEV ด้วยความสามารถที่มีรอบด้าน นอกจากออพชั่นและราคาที่คุ้มค่าเหนือรถญี่ปุ่นแล้ว ในครั้งนี้ MG3 Hybrid+ ปรับปรุงสมรรถนะเครื่องยนต์ไฮบริดให้ต่อกรกับค่ายญี่ปุ่นได้อย่างสูสีกินกันไม่ลง ทำให้หลายคนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว

 MG3 Hybrid+ อาจเสียเปรียบ City Hatchback e:HEV ตรงชื่อชั้นที่ยังไม่ยาวนานพอจนคนส่วนใหญ่ไว้ใจ บวกกับชื่อเสียงบริการหลังการขายที่หลายคนยังตั้งคำถาม ทำให้แบรนด์เจ้าตลาดอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

 แต่ไม่ใช่ว่า Honda จะมีดีแค่ชื่อเสียงของแบรนด์ นอกจากสมรรถนะการขับขี่ ความปลอดภัยที่ครบครันแล้ว ยังโดดเด่นในเรื่องประโยชน์ใช้สอยที่มีอย่าง Ultra Seat ซึ่งใครที่จำเป็นต้องใช้จะต้องชื่นชอบแน่นอน

 จึงสรุปได้ว่า หากใครที่ต้องการความสดใหม่ สมรรถนะ และความคุ้มค่า คงต้องเลือก MG3 Hybrid+ ส่วนใครยังต้องการความสบายใจ ประโยชน์ใช้สอย และมีออพชั่นครบครันไม่แพ้กันก็เลือก Honda City Hatchback e:HEV ได้เลย

 สามารถไปชมคันจริงรถทั้ง 2 รุ่นนี้ได้ที่งาน Motor Expo 2024 ปลายปีนี้ได้เลยครับ

14
ออล นิว ไทรทัน: จับได้คาตา!! Mitsubishi Triton Big Minor Change กระบะหล่อใหญ่ตัวเป็นๆที่เมืองไทย

ล่าสุดสมาชิกในคลับ New Triton Club เผยภาหลุดออกมาซึ่งพรางตัวซีลทั้งหน้าตาและกระบะท้าย ถึง 2 คันด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือ Mitsubishi Triton Big Minor Change โดยการปรับโฉมครั้งนี้เป็นการปรับครั้งใหญ่ ชนิดไม่เหลือภาพเดิมๆอีกต่อไป ถึงแม้จะใช้แพลตฟอร์มเจนปัจจุบันเริ่มที่ หน้าตาเอกลักษณ์เด่นแบบ Dynamic Shield จากรุ่น Pajero Sport ผสมกับรุ่น Xpander ชุดดกระจังหน้ารวมถึงไฟหน้าอาจใช้โคมเดียวกับรุ่น Pajero Sport รองรับกันชหน้าแบบสปอร์ตแบบเดียวกับรุ่น Xpander ซุ้มล้อทั้งหน้าและหลังออกแบบใหม่ในสไตล์ Built-IN กลมกลืนไม่มีคิ้วขอบล้อเสริมอีกต่อไป

ขุมพลังยังใช้บริการเจ้าเดิมนั่นคือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน Mitsubishi 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที พร้อม เกียร์ธรรมดา 6 สปีดและอาจมีเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อมสปอร์ตโหมดยกชุดจากรุ่น Pajero Sport


รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 4D56 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 178 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ในรุ่นตอนเดียวขับสี่ ทั้งเกียร์อัตโนมัติและธรรมดา 5 สปีด อาจจำหน่ายต่อไป พร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อ และ สี่ล้อแบบ Easy Select 4WD และ Super Select 4WD II กับ ระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-lock เบื้องต้น Mitsubishi Triton Big Minor Change จะเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทยในวันที่ 9 พฤศจิกายน


Mitsubishi รถกระบะ Deft Hint Mitsubishi Triton Spy Shot มิตซูบิชิ Mitsubishi L200 มิตซูบิชิ ไทรทัน Pickup

ตลอด 40 ปี ที่ Mitsubishi Triton รับใช้สิงห์รถกระบะทั้งชาวไทยและเทศจนกลายเป็นกระบะที่สร้างยอดขายให้กับ Mitsibishi Motors มาตลอด


ล่าสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ส่งหมายเชิญมาถึงทีมงาน Autodeft.com ว่ามีการเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย กับ Mitsubishi Triton Big Minor Change ในการปรับโฉมครั้งนี้เป็นการปรับครั้งใหญ่ ชนิดไม่เหลือภาพเดิมๆอีกต่อไป ถึงแม้จะใช้แพลตฟอร์มเจนปัจจุบันเริ่มที่ หน้าตาเอกลักษณ์เด่นแบบ Dynamic Shield จากรุ่น Pajero Sport ผสมกับรุ่น Xpander ชุดดกระจังหน้ารวมถึงไฟหน้าอาจใช้โคมเดียวกับรุ่น Pajero Sport รองรับกันชหน้าแบบสปอร์ตแบบเดียวกับรุ่น Xpander ซุ้มล้อทั้งหน้าและหลังออกแบบใหม่ในสไตล์ Built-IN กลมกลืนไม่มีคิ้วขอบล้อเสริมอีกต่อไป


ขุมพลังยังใช้บริการเจ้าเดิมนั่นคือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน Mitsubishi 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที พร้อม เกียร์ธรรมดา 6 สปีดและอาจมีเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดพร้อมสปอร์ตโหมดยกชุดจากรุ่น Pajero Sport ก็เป็นได้

รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 4D56 2.5 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 178 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ในรุ่นตอนเดียวขับสี่ ทั้งเกียร์อัตโนมัติและธรรมดา 5 สปีด อาจจำหน่ายต่อไป พร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อ และ สี่ล้อแบบ Easy Select 4WD และ Super Select 4WD II กับ ระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-lock Mitsubishi Triton Big Minor Change จะสวยงามเท่แกร่งกว่าหรือไม่

15
สุขภาพดี: จุลชีพในลำไส้กุญแจสำคัญสู่สุขภาพที่ดี การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านสุขภาพ

ไมโครไบโอมคือกลุ่มของจุลินทรีย์หลากหลายชนิดอาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา พวกมันมีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร สร้างวิตามิน และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การรักษาสมดุลของจุลชีพในลำไส้จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม จุลินทรีย์ในลำไส้มีความสำคัญต่อการย่อยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไฟเบอร์และโปรตีนในระบบย่อยอาหาร

จุลินทรีย์จะปลดปล่อยสารอาหารที่สำคัญและผลิตกรดไขมันสายสั้น ซึ่งช่วยควบคุมการอักเสบและส่งเสริมให้เยื่อบุลำไส้แข็งแรง นอกจากนี้ จุลินทรีย์ยังโต้ตอบกับระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันเชื้อโรคที่เป็นอันตรายและป้องกันการติดเชื้อ จุลินทรีย์ในลำไส้ที่มีความสมดุลจะส่งผลต่อสุขภาพระบบย่อยอาหารที่ดี ภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วนและเบาหวาน

สุขภาพลำไส้และเทคโนโลยี: ขอบเขตใหม่
การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้านสุขภาพได้ปฏิวัติความเข้าใจเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในลำไส้และผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดี เครื่องมือที่ทันสมัย ​​เช่น การจัดลำดับจุลินทรีย์ในลำไส้ อุปกรณ์วินิจฉัยอัจฉริยะ และแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพลำไส้ ช่วยให้สามารถทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในลำไส้ของแต่ละบุคคลได้ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยระบุความไม่สมดุลในจุลินทรีย์และให้ข้อมูลสำหรับการแทรกแซงเฉพาะบุคคล เช่น โปรไบโอติก การปรับเปลี่ยนอาหาร และพรีไบโอติก เพื่อฟื้นฟูความสมดุลของลำไส้

การทดสอบไมโครไบโอม : หนึ่งในเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำที่สุดในด้านสุขภาพลำไส้คือการทดสอบไมโครไบโอม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระเพื่อทำแผนที่องค์ประกอบของจุลินทรีย์ในลำไส้ของบุคคล การทดสอบเหล่านี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ของแบคทีเรียที่มีประโยชน์เมื่อเทียบกับแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ทำให้สามารถแนะนำอาหารและวิถีชีวิตที่เหมาะกับตนเองเพื่อปรับปรุงสุขภาพลำไส้ได้

โปรไบโอติกส์และยาเฉพาะบุคคล : โปรไบโอติกส์เป็นอาหารเสริมที่มีแบคทีเรียที่มีประโยชน์ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูจุลินทรีย์ในลำไส้ให้มีสุขภาพดี ด้วยความก้าวหน้าในการวิจัยไมโครไบโอม โปรไบโอติกส์เหล่านี้สามารถปรับให้เหมาะกับโปรไฟล์ลำไส้เฉพาะบุคคลได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

อุปกรณ์ดูแลสุขภาพลำไส้อัจฉริยะ : เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ยาเม็ดอัจฉริยะและอุปกรณ์สวมใส่ที่ไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้สามารถตรวจสอบสุขภาพลำไส้ได้แบบเรียลไทม์ อุปกรณ์เหล่านี้สามารถติดตามกระบวนการย่อยอาหาร ระดับ pH ในลำไส้ และแม้แต่การมีอยู่ของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย ทำให้ได้รับข้อมูลตอบกลับทันทีและคำแนะนำด้านสุขภาพส่วนบุคคล

ประโยชน์ของการรักษาจุลินทรีย์ในลำไส้ให้มีสุขภาพดี
การย่อยอาหารที่ดีขึ้น : จุลินทรีย์ที่สมดุลช่วยย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และลดปัญหาในการย่อยอาหาร เช่น อาการท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสีย

ภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น : แบคทีเรียในลำไส้ที่มีสุขภาพดีช่วยปกป้องการติดเชื้อและโรคภัยไข้เจ็บด้วยการเสริมสร้างการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียบางชนิดกระตุ้นการสร้างแอนติบอดีและปรับกิจกรรมภูมิคุ้มกันเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบสนองมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบหรือโรคภูมิต้านทานตนเอง

สุขภาพจิต : การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าสุขภาพลำไส้สามารถส่งผลต่อสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าได้ผ่านแกนสมอง-ลำไส้ ลำไส้ที่แข็งแรงอาจส่งเสริมอารมณ์และการทำงานของสมองที่ดีขึ้น

การป้องกันโรคเรื้อรัง : จุลินทรีย์ในลำไส้ที่มีความหลากหลายและสมดุลมีส่วนเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวานประเภท 2 และโรคลำไส้อักเสบ (IBD) การรักษาลำไส้ให้มีสุขภาพดีจะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและหลีกเลี่ยงความผิดปกติของระบบเผาผลาญ

เคล็ดลับในการปรับปรุงจุลินทรีย์ในลำไส้
รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงหลากหลายชนิด : ไฟเบอร์มีความจำเป็นต่อการบำรุงแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้ ผัก และพืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งพรีไบโอติกที่ดีเยี่ยมที่ช่วยบำรุงแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้

พิจารณาใช้โปรไบโอติก : อาหารที่มีโปรไบโอติกสูง เช่น โยเกิร์ต คีเฟอร์ และอาหารหมักดอง เช่น กิมจิและซาวเคราต์ สามารถเพิ่มระดับแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ของคุณได้

อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ : การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยเสริมสร้างเยื่อบุลำไส้และส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์

จำกัดการใช้ยาปฏิชีวนะ : การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปอาจทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ลดลง ใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น ตามที่แพทย์สั่ง

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : การออกกำลังกายส่งเสริมความหลากหลายของจุลินทรีย์ เสริมสร้างสุขภาพลำไส้และความเป็นอยู่โดยรวม

จุลินทรีย์ในลำไส้เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดี และด้วยเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่ล้ำสมัย ทำให้ปัจจุบันผู้คนสามารถตรวจสอบและปรับจุลินทรีย์ในลำไส้ให้เหมาะสมได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการทำความเข้าใจบทบาทของจุลินทรีย์เหล่านี้และใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ​​เช่น การทดสอบไมโครไบโอม โปรไบโอติกเฉพาะบุคคล และอุปกรณ์ดูแลสุขภาพลำไส้อัจฉริยะ ผู้คนสามารถควบคุมสุขภาพของระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมให้ดีขึ้น การรักษาจุลินทรีย์ในลำไส้ให้มีสุขภาพดีถือเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวในยุคสมัยที่มีการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล

หน้า: [1] 2 3 ... 32