ผู้เขียน หัวข้อ: หมอประจำบ้าน: หลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele)  (อ่าน 3 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 391
  • ลงประกาศฟรี
    • ดูรายละเอียด
หมอประจำบ้าน: หลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele)
« เมื่อ: วันที่ 18 กันยายน 2024, 22:04:06 น. »
หมอประจำบ้าน: หลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele)

หลอดเลือดอัณฑะขอด หมายถึง ภาวะกลุ่มหลอดเลือดดำ (ที่มีชื่อว่า anterior spermatic plexus) ที่บริเวณถุงอัณฑะเกิดการพองตัวหรือขอดซึ่งเป็นผลจากลิ้นปิดเปิดในหลอดเลือดดำบกพร่องหรือหย่อนสมรรถภาพทำให้เลือดไหลย้อนกลับ

พบบ่อยในเด็กวัยรุ่น (ประมาณร้อยละ 16 ของเด็กอายุ 10-19 ปี) และพบว่าผู้ชายที่เป็นหมัน (มีบุตรยาก) จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชายที่ไม่ได้เป็นหมัน (ผู้ชายที่เป็นหมันอาจพบโรคนี้ถึงร้อยละ 40)

ประมาณร้อยละ 85 ของผู้ป่วยจะเป็นที่ถุงอัณฑะข้างซ้าย เนื่องจากลักษณะทางกายวิภาคของระบบหลอดเลือดดำของอัณฑะข้างซ้ายนี้มีลักษณะแตกต่างจากข้างขวาและมีปัจจัยเอื้อต่อการเกิดหลอดเลือดขอดมากกว่าข้างขวา*

หลอดเลือดขอดที่ถุงอัณฑะข้างซ้าย มักไม่มีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่ถ้าเป็นข้างขวา อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เนื้องอกในช่องท้อง

*เนื่องจากหลอดเลือดดำของอัณฑะซ้ายเชื่อมต่อกับหลอดเลือดดำไต (renal vein) โดยเป็นมุมฉาก ทำให้การไหลเวียนเลือดในบริเวณนั้นสะดวกน้อยกว่าหลอดเลือดดำของอัณฑะขวาที่เชื่อมต่อกับท่อเลือดดำ (inferior vena cava) โดยตรง

สาเหตุ
ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของการเกิดโรคนี้

อาการ
ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นถุงอัณฑะโต คลำดูมีลักษณะหยุ่น ๆ นุ่ม ๆ และมีสีคล้ำแบบหลอดเลือดดำ เมื่อนอนลงอาจยุบลงได้ อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นไส้เลื่อน

ส่วนมากจะไม่มีอาการแสดง บางรายอาจรู้สึกปวดหน่วง ๆ โดยเฉพาะเวลาอากาศร้อน หรือหลังออกกำลังกายหรือทำงาน มักปวดมากขึ้นตอนบ่าย ๆ ถึงค่ำ ๆ และทุเลาเมื่อนอนราบ

ส่วนใหญ่มักเป็นเพียงข้างเดียว ส่วนน้อยอาจเป็นทั้ง 2 ข้าง

ภาวะแทรกซ้อน
อาจทำให้อัณฑะข้างที่เป็นหลอดเลือดขอดฝ่อตัว หรือเป็นหมัน เนื่องจากมีการผลิตอสุจิได้น้อยลง

การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและการตรวจร่างกายเป็นหลัก บางรายแพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจอัลตราซาวนด์

การรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ถ้าไม่มีอาการแสดง ก็ไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างใด บางรายอาจหายได้เอง เมื่ออายุมากขึ้น

ถ้ามีอาการปวดหน่วง แนะนำให้ผู้ป่วยใส่กางเกงในรัด ๆ และกินยาบรรเทาปวด

ถ้ามีอาการปวดมากหรือเป็นหมัน (พบว่าหลอดเลือดอัณฑะขอดเป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายเป็นหมันได้) หรือหลอดเลือดที่ถุงอัณฑะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นข้างขวา) ที่อยู่ ๆ เกิดขอดขึ้นมาอย่างฉับพลันในผู้ที่อายุมาก (อาจมีสาเหตุผิดปกติในช่องท้อง เช่น ก้อนเนื้องอกของไต) ควรปรึกษาแพทย์ ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะเพื่อตรวจพิเศษเพิ่มเติม (เช่น อัลตราซาวนด์) และอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไข บางรายอาจผ่าตัดโดยวิธีส่องกล้อง หรือทำ percutaneous embolization

ในรายที่เป็นหมัน หลังการรักษาด้วยการผ่าตัดอาจช่วยให้มีบุตรได้

การดูแลตนเอง
หากสงสัย เช่น อัณฑะบวม มีก้อนที่อัณฑะ อัณฑะ 2 ข้างมีขนาดต่างกัน หรือผู้ชายเป็นหมัน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหลอดเลือดอัณฑะขอด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดท้อง ปวดอัณฑะมาก อัณฑะเป็นก้อนแข็งหรือบวมแดง
    ในรายที่แพทย์รักษาด้วยการผ่าตัด หลังผ่าตัด อัณฑะมีการอักเสบบวมแดง หรือมีเลือดออกในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน
ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

ข้อแนะนำ
ผู้ชายที่เป็นหมัน ควรปรึกษาแพทย์ อาจเกิดจากหลอดเลือดอัณฑะขอด ซึ่งหลังผ่าตัดอาจช่วยให้มีบุตรได้