ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับการระบาดเป็นวงกว้าง (Pandemic) ของโคโรน่าไวรัส 2019 (โควิด-19) คล้ายๆ กับทุก 100 ปีที่โลกต้องเผชิญกับการระบาดในวงกว้างของเชื้ออื่นๆ นับตั้งแต่ 300 ปีที่แล้ว เมื่อพ.ศ.2263 ที่มีกาฬโรคระบาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 100,000 คน และ 200 ปีที่แล้ว เมื่อพ.ศ.2363 มีอหิวาตกโรคระบาด คร่าชีวิตคนไปกว่า 100,000 คนเหมือนกัน รวมถึง 100 ปีที่แล้ว เมื่อพ.ศ.2463 ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็มีไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ H1N1 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 50 ล้านคน มาถึงในช่วงปีที่ผ่านมา พ.ศ.2563 ก็เกิดการระบาดของโคโรน่าไวรัส 2019 และมีการกระจายเป็นวงกว้างมาจนถึงวันนี้
ภูมิคุ้มกันคืออาวุธสำคัญการในต่อสู้กับเชื้อโรค
อาวุธสำคัญที่มนุษย์มีไว้ใช้จัดการกับเชื้อโรคและเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนมีติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด นั่นก็คือ ภูมิคุ้มกันครอบจักรวาล (Innate Immunity) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคชนิดไหน เคยเจอเชื้อมาก่อนหรือไม่ก็สามารถจัดการได้หมด
กับระบบภูมิคุ้มกันอีกหนึ่งชนิด ที่เรียกว่า ภูมิคุ้มกันแบบจดจำ (Adaptive Immunity) ที่ร่างกายมนุษย์ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดทำให้สามารถจดจำเชื้อโรคได้แม่นหากเคยพบเจอมาก่อน เมื่อเจออีกครั้งก็จะพุ่งตรงกำจัดได้อย่างรวดเร็วทันที เหมือนเป็นทัพเสริมที่สำคัญ
ปัจจุบันเราอาศัยความรู้ในระบบนี้ มาผลิตวัคซีน (Vaccine) เช่น การใช้เชื้อที่อ่อนกำลังแล้วมาผลิตเป็น inactive vaccine อย่าง Sinovac และ Sinopharm หรือใช้ส่วนประกอบของเชื้อผลิตเป็นวัคซีนชนิด mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna และประเภทที่ผลิตจากส่วนประกอบโปรตีน เช่น Novavax ใช้วิธีตัดต่อกับเชื้ออื่น เช่น Astrazeneca, Sputnik V, Johnson & Johnson เพื่อให้มีลักษณะคล้ายตัวไวรัสโควิด-19 แต่อ่อนกำลังแล้ว ไม่ก่อโรค ซึ่งเมื่อฉีดเข้ามาในร่างกายของคนก็จะเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันแบบจดจำขึ้นมา หากวันใดวันหนึ่งร่างกายได้รับเชื้อตัวจริงๆ เข้ามา ภูมิคุ้มกันจะได้พุ่งเข้าจัดได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า Innate Immunity เป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญมากๆ ซึ่งเราสามารถสร้างเสริมให้ภูมิชนิดนี้แข็งแรงขึ้นได้ ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกาย 150 นาทีต่อสัปดาห์ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ และเริ่มนอนให้เร็วก่อน 22.00 น. เพราะจะทำให้ NK-cell activity ซึ่งก็คือเม็ดเลือดขาวเพชรฆาตฆ่ามะเร็งและไวรัสเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ อาหารก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน การทานอาหารให้เป็นยา คือกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งในการช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันชนิดนี้ ซึ่งที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ Function food หรือวิตามินต่างๆ นั่นเอง
7 วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันต้านโควิด-19
1. Vitamin C ด่านสำคัญที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยการทำงานของเม็ดเลือดขาว lymphocyte รวมถึง neutrophil ในกระบวนการจับกินเชื้อโรค (phagocytosis) เราควรได้รับวิตามินซี 500-2,000 มก./วัน ซึ่งการกินหลังอาหารจะช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะจากกรด Ascorbic และทานช่วงเช้าจะทำให้ไตขับออกได้ดี ลดโอกาสการตกค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดนิ่วที่ไต
2. Vitamin D นั้นดีสมชื่อ อารมณ์ดี ภูมิคุ้มกันดี หลับสบาย กระดูกแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกันทั้ง Adaptive (ภูมิคุ้มกันแบบจดจำ ต้องเคยเจอเชื้อมาก่อนถึงกำจัดได้) และ Innate immunity (ภูมิคุ้มกันแบบครอบจักรวาล ไม่เคยเจอเชื้อมาก่อนก็กำจัดได้) เราควรได้รับวิตามิน D3 ราว 3,000-5,000 ยูนิต/วัน ดังนั้นอย่าลืมออกแดดเพื่อรับวิตามินดีจากธรรมชาติวันละ 15-20 นาที โดยเฉพาะในช่วงเช้าก่อน 9 โมงหรือ หลัง 5 โมงเย็น การรับวิตามินดีจากแสงแดด เราควรใส่เสื้อผ้าที่เปิดแขนขาให้โล่งไว้ แต่สามารถทาครีมกันแดดบริเวณใบหน้าถ้าต้องการ แต่ไม่ควรทาที่ตัว เพราะการทาครีมกันแดด SPF7 ขึ้นไปก็จะทำให้ไม่เกิดการสังเคราะห์วิตามินดีที่ผิวหนังส่วนนั้น การได้รับแสงแดดยังมีประโยชน์ในการปรับนาฬิกาชีวิต เพื่อการนอนหลับสบายและมีคุณภาพด้วย
3. Zinc แร่ธาตุสังกะสี โคโรน่าไวรัสจะทำลายเยื่อบุผิวทางเดินหายใจและตุ่มรับรส ทำให้ 30% ของคนไข้มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่นลิ้นรับรสไม่ได้ ซึ่งอาการกลุ่มนี้จะหายกลับเป็นปกติหลังสุด การเสริม chelate Zinc 20-40 มก./วัน จะช่วยลดการเกาะติดไวรัสกับเซลล์ เพราะ zinc ช่วยลด expression ACE2 Rp. ลดตัวรับโควิดที่เซลล์ จึงลดการอักเสบ ป้องกันผลแทรกซ้อนทางหลอดเลือด ช่วยฟื้นการรับรสและการได้กลิ่น
4. NAC N-Acetyl-cysteine ละลายเสมหะ แต่มีฤทธิ์ทั้ง Anti-oxidant และ Anti-Inflammation ลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันปอด เพิ่ม Glutathione ในเซลล์เม็ดเลือดขาว lymphoyte ทำให้การกำจัดไวรัสมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงชะลอความรุนแรงของการที่เชื้อลงปอด โดยรับประทาน 600 มก.เช้า กับ 600 มก.เย็น รวมเป็น 1,200 มก./วัน
5. Omega-3 Fish oil ลดการอักเสบของร่างกาย (Anti-inflammation) จากการหลั่งสารอักเสบ cytokine ที่มากเกินหลังการต่อสู้กับเชื้อโรค ทั้งนี้จึงควรลดอาหารมัน ทอด ปิ้งย่าง เปลี่ยนเป็นทานอาหาร ต้ม นึ่ง ตุ๋น ที่มีน้ำๆ แทน หรือหากจะรับประทาน omega-3 Fish oil ควรเลือก EPA/DHA โดยให้ค่าทั้งสองตัวรวมกันเข้าใกล้ 1,000 หน่วย/วัน
6. Probiotic จุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้สำคัญกับภูมิคุ้มกันเป็นอย่างมาก ลำไส้ถือเป็นสมองที่สองของร่างกาย มีระบบการสั่งการประสาทอัตโนมัติของตัวเอง (Enteric Nervous System) และเป็นแหล่งผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีต่อมน้ำเหลืองที่ใหญ่ที่สุดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Payer’s patches) การเติมจุลินทรีย์ที่ดีให้ร่างกายก็เท่ากับการเติมทหารภูมิคุ้มกัน ชื่อสายพันธุ์จุลินทรีย์ตัวดีที่เรารู้จักกันดี เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium สายพันธุ์ Lactobacillus plantarum และ Lactobacillus rhamnosus ที่ช่วยลดอาการในทางเดินหายใจได้ดี อาหารที่มีจุลินทรีย์ดีสูงก็เช่น กิมจิ นัตโต๊ะ โยเกิร์ต หรือจะทานเป็น probiotic 10,000 ล้านตัวต่อวันก็ได้เช่นกัน
7. ปรับสภาวะรอบเซลล์ (Extracellar pH) ให้เป็นด่างด้วยการกิน เพราะ Covid-19 เกาะเซลล์เราแน่นขึ้นถ้าค่ารอบเซลล์เป็นกรด ดังนั้น หลีกเลี่ยงอาหารสภาวะกรด เช่น น้ำตาล pH 4-5 ผลไม้หวานจัด น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ เนื้อสัตว์ใหญ่ pH 6-7 เน้นทานผักผลไม้ที่มี pH 8-9 แทน ส่วนโปรตีนที่ดี จะได้จาก ปลา ถั่ว ไข่ เห็ด สาหร่ายที่สำคัญอย่าลืมปรุงสุกและทานขณะร้อนๆ เพราะเชื้อ Covid-19 ต้องโดนความร้อน ที่ 92 องศา นานเกิน 15 นาที RNA แกนกลางนิวเคลียสของเชื้อถึงจะสลายไปได้
วิตามินเพิ่มภูมิต้านทาน ต้านโควิด-19 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/