ผู้เขียน หัวข้อ: บริการทำความสะอาด: การทำความสำอาดคราบสกปรกบนพรม สำหรับบ้านที่เลี้ยงสัตว์  (อ่าน 18 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 763
  • ลงประกาศฟรี
    • ดูรายละเอียด
บริการทำความสะอาด: การทำความสำอาดคราบสกปรกบนพรม สำหรับบ้านที่เลี้ยงสัตว์

การทำความสะอาดคราบสกปรกบนพรมในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็สามารถทำได้ครับ โดยเฉพาะคราบที่เกิดจากสัตว์เลี้ยง เช่น ปัสสาวะ อาเจียน หรือขนสัตว์ การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีจะช่วยขจัดคราบ กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้ได้ดีขึ้น

เคล็ดลับการทำความสะอาดคราบสกปรกบนพรม สำหรับบ้านที่เลี้ยงสัตว์

หลักการสำคัญ:

ทำความสะอาดทันที: ยิ่งทำความสะอาดเร็วเท่าไหร่ คราบก็ยิ่งขจัดออกได้ง่าย และลดโอกาสที่กลิ่นจะฝังแน่น

ซับ ไม่ใช่ถู: การถูจะทำให้คราบกระจายตัวและซึมลึกลงไปในเส้นใยพรมมากขึ้น

ทดสอบน้ำยาก่อนใช้: ควรทดสอบน้ำยาทำความสะอาดกับพรมบริเวณเล็กๆ ที่มองไม่เห็นก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำให้สีพรมเปลี่ยนหรือเสียหาย

อุปกรณ์ที่ควรมีติดบ้าน:

ผ้าสะอาดสีขาว (หลายผืน) หรือกระดาษทิชชูแผ่นหนา

น้ำเปล่า

น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์สำหรับคราบสัตว์เลี้ยง (Enzyme Cleaner)

เบกกิ้งโซดา

น้ำส้มสายชู

สเปรย์ฆ่าเชื้อสำหรับผ้า (Fabric Disinfectant Spray)

เครื่องดูดฝุ่น (ควรมีหัวแปรงสำหรับพรม)

1. การทำความสะอาดคราบปัสสาวะสัตว์เลี้ยง:
คราบปัสสาวะเป็นคราบที่ต้องรีบจัดการเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะทิ้งคราบแล้ว ยังมีกลิ่นแอมโมเนียที่ดึงดูดให้สัตว์กลับมาทำซ้ำที่เดิม

ซับให้แห้งที่สุด: ใช้ผ้าสะอาดสีขาวหรือกระดาษทิชชูแผ่นหนากดซับปัสสาวะออกจากพรมให้ได้มากที่สุด ห้ามถู! ให้เปลี่ยนผ้าหรือกระดาษไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีปัสสาวะติดออกมา

ล้างด้วยน้ำสะอาด: ค่อยๆ เทน้ำสะอาดลงบนคราบเล็กน้อย แล้วใช้ผ้าสะอาดซับออกอีกครั้ง ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อเจือจางปัสสาวะที่ซึมลงไป

ใช้น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์: น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์ถูกออกแบบมาเพื่อย่อยสลายโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นและคราบ ทำตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่คือฉีดพ่นลงบนคราบให้ชุ่ม ทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด (เช่น 10-15 นาที) แล้วซับออกให้แห้ง

โรยเบกกิ้งโซดา (สำหรับกลิ่น): หลังจากคราบแห้งสนิทแล้ว หากยังมีกลิ่นหลงเหลืออยู่ ให้โรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่วบริเวณคราบ ทิ้งไว้ข้ามคืน (หรืออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง) เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับกลิ่น

ดูดฝุ่น: ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเบกกิ้งโซดาออกให้หมด


2. การทำความสะอาดคราบอาเจียน/อุจจาระ:

ตักออก/เก็บออก: ใช้ช้อนหรือกระดาษแข็งตัก/เก็บส่วนที่เป็นของแข็งออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระมัดระวังอย่าให้คราบกระจายตัว

ซับคราบเหลว: ใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชูซับคราบเหลวที่เหลืออยู่ ห้ามถู

ล้างด้วยน้ำสะอาด: ค่อยๆ เทน้ำสะอาดลงบนคราบเล็กน้อย แล้วซับออก ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง

ทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน/น้ำส้มสายชู: ผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อยกับน้ำอุ่น หรือผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วน ใช้ผ้าชุบแล้วซับลงบนคราบเบาๆ จนคราบจางลง

ล้างออกและซับแห้ง: ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดคราบสบู่/น้ำส้มสายชูออก แล้วซับให้แห้งสนิท

ใช้น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์: หากเป็นคราบอาเจียนหรืออุจจาระที่มีกลิ่นแรง ควรตามด้วยน้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์เพื่อย่อยสลายโปรตีนและกำจัดกลิ่น


3. การทำความสะอาดขนสัตว์บนพรม:

ดูดฝุ่นเป็นประจำ: ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพและมีหัวแปรงสำหรับพรม ดูดฝุ่นพรมอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

ใช้ลูกกลิ้งเก็บขน (Lint Roller): สำหรับขนที่ติดแน่น หรือบริเวณเล็กๆ

ใช้ถุงมือยาง: สวมถุงมือยางแบบที่ใช้ล้างจาน ลูบไปบนพรม ขนสัตว์จะรวมตัวกันเป็นก้อน ทำให้เก็บได้ง่ายขึ้น

ใช้ไม้กวาดซิลิโคน/ยางรีดน้ำ: สำหรับพรมบางชนิด ไม้กวาดซิลิโคนหรือยางรีดน้ำสามารถช่วยรวบรวมขนสัตว์ที่ฝังอยู่ได้ดี

เครื่องซักพรม (Carpet Cleaner): หากมีงบประมาณ เครื่องซักพรมจะช่วยทำความสะอาดล้ำลึกและขจัดขนสัตว์ที่ฝังแน่นได้ดี


4. การกำจัดกลิ่นอับบนพรม:

เบกกิ้งโซดา: โรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่วพรม ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที หรือข้ามคืน แล้วดูดฝุ่นออก เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับกลิ่น

น้ำส้มสายชู: ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนกับน้ำเปล่า 1 ส่วน ใส่ในขวดสเปรย์ ฉีดพ่นให้ทั่วพรม (ไม่ต้องให้เปียกชุ่ม) ทิ้งไว้ให้แห้ง กลิ่นน้ำส้มสายชูจะหายไปเมื่อแห้ง และจะช่วยลดกลิ่นอับ

น้ำยาทำความสะอาดเอนไซม์: เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดกลิ่นที่เกิดจากสารอินทรีย์ของสัตว์เลี้ยง


เคล็ดลับเพิ่มเติม:

พิจารณาใช้พรมที่ทำความสะอาดง่าย: หากเป็นไปได้ เลือกพรมที่มีเส้นใยสั้น หรือพรมที่สามารถนำไปซักเครื่องได้

ฝึกสัตว์เลี้ยง: ฝึกสัตว์เลี้ยงให้ขับถ่ายในบริเวณที่กำหนด เพื่อลดโอกาสการเกิดคราบบนพรม

ใช้สเปรย์ป้องกันคราบ: มีสเปรย์บางชนิดที่สามารถฉีดพ่นบนพรมเพื่อสร้างชั้นป้องกัน ทำให้คราบซึมลงพรมได้ยากขึ้น

การดูแลพรมในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงต้องใช้ความสม่ำเสมอและความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือบ้านที่สะอาด ปราศจากกลิ่น และเป็นมิตรกับทุกคนในครอบครัวครับ